กรณีการเสียชีวิตของ พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ถูกนางพรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ภรรยา ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิงเข้าที่หน้าอกขวา 1 นัด และใต้รักแร้ ซ้าย 1 อีก จนเสียชีวิตคาบ้านพักภายในซอยบรมราชชนนี 70 ย่านศาลาธรรมสพน์ กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ (19 ก.พ.) ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 20 ก.พ. ญาติของ พล.ต.ท.ปัญญา เดินทางมาติดต่อขอรับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช โดยจะนำประกอบพิธีทางศาสนาที่ศาลา 5 วัดตรีทศเทพ เขตพระนคร ซึ่งสื่อมวลชนจำนวนมากต่างเดินทางมารอทำข่าว
ขณะเดียวมี ร.ต.ท. อดีตรอง สว.ปคม. เกษียณอายุราชการ ปี 2559 ซึ่งเคยเป็น ผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.ปัญญา สมัยอยู่กองปราบฯ เคยเคยร่วมงานกันมากกว่า 10 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตกใจเมื่อทราบข่าวว่าท่านถูกยิงเสียชีวิต เพราะเท่าที่เคยร่วมงานกันมา ท่านเป็นคนดี ซื่อสัตย์ เป็นที่รักของลูกน้อง และตั้งใจทำงาน สมัยที่ตนเองทำงานกับท่าน ก็เคยเห็นท่านออกงานร่วมกับภรรยาเป็นประจำ ซึ่งภรรยาท่านก็เป็นคนใจดีและดูรักใคร่ ไม่เคยมีปัญหาหรือทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน
นอกจากนี้ยังยืนยันว่า พล.ต.ท.ปัญญา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวและเรื่องเที่ยวผู้หญิง ปกติแกเป็นคนทำงานยันดึกดื่น คาดว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาในครอบครัว ซึ่งตนก็เกษียณราชการมา 7 ปี และไม่ได้ไปพบท่าน ก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ติดต่อกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อวันวาเลนไทน์ (14 ก.พ) ที่ผ่านมา ตนส่งไลน์หาท่าน ท่านก็ตอบกลับมา และไม่ได้คุยกันอีกจนทราบข่าวเมื่อวานนี้
“ยอมรับว่าตนเสียดายมากกับการถึงแก่กรรมของท่าน ไม่นึกว่าท่านจะมาด่วนจากไป เพราะปีหน้าก็เกษียณแล้ว และท่านเป็นคนเก่ง ทำผลงานที่โดดเด่นมาหลายคดีมาก ก็ขอให้ท่านไปสู่สุคติภพภูมิที่ดี” อดีตลูกน้อง ระบุ
ขณะเดียวกัน นายชัยรัตน์ เชาวลิตพิเชษฐ์ อายุ 51 ปี เพื่อนบ้านที่เข้าไปช่วยพยุงร่าง พล.ต.ท.ปัญญา วันเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุ ตนเพิ่งกลับมาจากซักผ้า ขับรถผ่านมาถูกช่างเหล็กเรียกให้เข้าไปช่วยนายตำรวจ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แค่จะเข้าไปช่วยเท่านั้น แต่ไม่กล้าเข้าไปในบ้าน จึงรอให้ครบ 4 คน แล้วเข้าไปพร้อมกัน เมื่อมาครบจึงพากันขึ้นไปชั้น 2 พบร่างของนายตำรวจ นอนอยู่ที่พื้นในห้องทำงานฝั่งริมน้ำ ในลักษณะนอนหงาย จมกองเลือด และด้านข้างมีผ้าขนหนูซับเลือดวางอยู่ แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีปืนอยู่ในจุดเกิดเหตุหรือไม่ รวมถึงยอมรับว่าวินาทีนั้นไม่ได้สังเกตว่าร่างผู้ตายยังหายใจอยู่หรือไม่ คิดแต่เพียงว่าจะนำร่างออกมาเท่านั้น แต่พอมาถึงชั้นล่าง ไม่สามารถนำร่างขึ้นรถได้ เนื่องจากมีน้ำหนักมาก ก่อนที่เพื่อนบ้านรายหนึ่งจะทักว่าหากเสียชีวิตไม่ควรเคลื่อนย้ายศพ ทุกคนจึงตัดสินใจวางร่างไว้กับพื้น รอการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยืนยันว่า ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ปัญญา และภรรยา ไม่เคยมีปัญหากับใคร และไม่ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันมานานแล้ว ครั้งล่าสุดคือเมื่อหลายปีที่แล้ว.