เรียกได้ว่ายังเป็นประเด็นที่ใครหลายคนยังเกาะติดอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “CEO เม พรีมายา” หรือ น.ส.พิชญ์นรี ตันติวิทย์ เจ้าของธุรกิจพรีมายา หลังถูกศาลออกหมายจับ กรณีอ้างลงทุนเพียง 6 พัน กำไร 15 ล้าน ในเวลา 3 เดือน และหลังจากสอบปากคำนานกว่า 8 ชั่วโมง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีการวางเงินสด 100,000 บาท เพื่อเป็นหลักทรัพย์ประกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโซเชียลทวิตเตอร์ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันหนักมาก โดยมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ตรงที่ได้เจอจากคนวงใน ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับว่า ปัจจุบันตาสว่าง หลังจากไถนา ขายให้เขาปากเปียกปากแฉะมา 4 ปี จนทนนิสัย ceo ไม่ไหว แบรนด์พังเพราะ ceo มีอยู่จริง

โดยเขาทวีตเรื่องราวว่า “เรารู้จักแบรนด์นี้จากพี่เม ติดตามเขามานาน รู้จักเขาตั้งแต่มัธยมและเรียนที่เดียวกัน ชื่นชมในหน้าตาของพี่เขา พี่เขาก็ค่อนข้างดังเลยสมัยนั้น ติดตามไปเรื่อยๆ ก็รู้จักมากขึ้น พี่เขาเก่ง ขยัน คือค้าขายมานาน เราเห็นพี่เขาขายของตั้งแต่มีโซเชียลแรกๆ ก็เรียกว่าเป็นติ่งแหละ พอเรามีไอดอล ก็อยากเป็นเหมือนเขา อยากรู้จักเขา เห็นพี่เขาขายอะไรก็อยากอุดหนุน ตั้งแต่สบู่ ลิป มาสคาร่า อุดหนุนหมด”

จุดเริ่มต้นเป็นลูกทีม
ตอนนั้นเราอ้วน เห็นรีวิวพี่เขาเริ่มทำอาหารเสริม ตอนแรกก็ช่างใจ เพราะกลัวอันตรายเหมือนกัน พอเห็นรีวิวเยอะ ก็เลยลองสั่งมาทาน ปรากฏว่ามันลดจริง ทั้งที่เราดื้อยามาก ก็เริ่มมั่นใจ เริ่มเชื่อมากขึ้น เพราะกินแบรนด์ไหนก็ไม่ลดเลย ตอนนั้นใกล้เรียนจบ ก็เลยคิดว่า เรียนจบจะทำอะไรดี ขายออนไลน์เริ่มบูม เรามีสินค้าดี เขารับตัวแทน ไอดอลชั้นเป็นแบรนด์ ลองขายแล้วกัน+มีคนทักว่าผอมลง ก็ผันตัวมาเป็นแม่ค้าเลยสิคะ จัดหนัก จัดเต็ม ขายเลย เราก็เริ่มขายตั้งแต่แพ็กเกจแรกเลย ตอนนั้นแบรนด์บอก 9 เดือน 100 ล้าน ลองไปขุดดูในเพจ ก็ลงมือขาย มีพี่แม่ทีม (ปัจจุบันเลิกขายแล้ว)+แบรนด์มีเรตเปิดบิล มีเรตไม่สต๊อก อารมณ์ให้เราช่วยขยายตลาด เราก็เริ่มที่ไม่สต๊อก พี่แม่ทีมแรกๆ ก็ให้เครดิต หลังๆ บอกน้องต้องสต๊อกนะ กำไรเยอะกว่า ขายไม่สต๊อก เมื่อไหร่จะได้เงินก้อน+ไม่ให้เครดิต ไม่ให้เบิกของก่อน แรกๆ แบรนด์เล็ก เขารู้แหละว่าเขาอยู่ได้เพราะตัวแทน+อยู่กันเป็นครอบครัว ช่วยกันน๊า ส่งรีวิวให้หน่อยน้า คนนี้ถ่ายรูปสวยจังเอาอีกๆ พี่เมจะมีทีมเพื่อนๆ ที่ช่วยกัน ตอนนี้แยกย้ายหมดแล้ว ตัวแทนใครถ่ายรูป แต่งรูป เอามาลง เอาง่ายๆ ว่า แรกๆ ก็ช่วยกันดี

กลยุทธ์
เริ่มมีการไปงานเปิดตัวแทน เริ่มเข้าสัมมนา จูนทัศนคติ สอนการขาย ปรับมายด์เซต เกณฑ์คนไปเยอะมาก ให้ช่างภาพสร้างคอนเทนต์ว่าแบรนด์เรามันยิ่งใหญ่และมีคำหนึ่ง ที่ทำให้เราเข้าใจการสร้างคอนเทนต์ของเขามากขึ้น คือประโยคจากโค้ชที่ว่า “เป็นแม่ค้าออนไลน์ต้องใช้ชีวิตให้คนอื่นเสพ คือต้องทำคอนเทนต์ยังไงก็ได้ ให้คนอยากรู้ว่า ทำอะไร ขายอะไร ทำไมรวยขนาดนี้ โชว์ความสำเร็จ ขายแบรนด์นี้แล้วชีวิตต้องดี” ราไม่ใช้สายออกกล้อง เป็นสายแต่งรูป ทำไอจี ลงรีวิว ตอนนั้นขายได้นะ ขายได้กำไรหลักหมื่นเลย แบบไม่มีตัวแทน อาศัยลูกค้าประจำ ดูแลลูกค้าเราไม่ถนัดพูดปลุกใจมั้ง ก็คิดว่าเดือนละหมื่น ขยันหน่อย อยู่ได้เน้นขายปลีก ทำสูตรลดตามที่เรากิน ลูกค้ากินเห็นผลของดี ขายได้อยู่แล้ว ตอนนั้นคิดแบบนี้ พอแบรนด์เริ่มดัง พี่เจ้าของแบรนด์เริ่มขยายธุรกิจไปลงทุนอย่างอื่น เริ่มเที่ยวต่างประเทศ กินหรู เหยียดคนอื่น เมคฟันกับการไม่ให้เกียรติคนอื่น เอาง่ายๆ ว่าเริ่มรวย เริ่มลืมxx ทั้งผัวทั้งเมีย

กลยุทธ์ 2
การขายตัดราคาก็ตามมา เราเห็นหลายแบรนด์ จัดการการขายตัดราคาได้ แอพส้ม แอพฟ้า ตัดราคาเพียบ ตัวแทนที่ทำตามกฎสต๊อกน้อยต้นทุนสูง จะไปสู้คนตัดราคาได้ไง ก็เรียกร้องให้แบรนด์จัดการ แบรนด์บอกจัดการไม่ได้ แต่จะเปิดแอคเขาออฟฟิเชียลของแบรนด์ให้คนมั่นใจว่าให้ซื้อราคานี้นะ งงป้ะ? ตัวแทนก็เลยคุยกันว่า ที่ไม่จัดการพวกตัดราคา เพราะกลัวเสียลูกค้ารายใหญ่ไป ซึ่งแบรนด์บอกว่าคุยกับแอพไม่ได้ พอในแอพจัดการไม่ได้ ก็มีตัวแทนไปเจอสินค้าอยู่ร้านขายส่งรายใหญ่ในตัวเมืองเชียงใหม่เลยจ้าา ขึ้นต้น t ท้าย e ก็มาโวย ceo ก็ยังเฉย พีคสุดคือเอาสินค้าไปลง ออบ. เหยียบหน้าตัวแทนสุดๆ โดยเฉพาะรุ่นบุกเบิกที่ขายกันมาให้เหตุผลว่าขยายตลาด แต่เธอโตมากับระบบตัวแทนนะคะ เราช่วยคุณขาย แต่คุณทำกับเราแบบนี้ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกแล้วว่าอืมไม่ไหวละ พอเริ่มไม่ง้อตัวแทนแล้ว จะปล่อยโปรอะไรก็ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ตัวแทนบางคนเตรียมสต๊อกของ พอวันต่อมา แบรนด์ปล่อยโปรตัดหน้า ด้วยราคาที่คนสต๊อกน้อยๆ ไม่สามารถขายของตัวเองได้ เพราะต้นทุนเกินราคาโปรที่แบรนด์เปิดขาย เช่น โปรนี้ โดยวิธีการที่แบรนด์ทำคือ 8 แถม 11 ราคา 2,392 เฉลี่ยชิ้นละ 125.8 บาท

ให้ฝากแบรนด์ส่ง โดยแบรนด์จะจัดทำระบบขึ้นมาให้ตัวแทนกรอกที่อยู่ลูกค้า แล้วโอนเงินให้แบรนด์เป็นเงินต้นทุน แล้วตัวแทนรับส่วนต่าง ซึ่งทำแบบนี้ กลายเป็นว่า คนที่สต๊อก เพื่อหวังว่าจะได้กำไรเยอะ เสียเปรียบคนไม่สต๊อก ไม่เสียอะไร แล้วฝากแบรนด์ส่ง แบบนี้เขาจะสต๊อกทำไม? ส่วนแบรนด์ก็ได้ออร์เดอร์จากตัวแทน ที่ช่วยหามาให้ แล้วเอามาถ่ายคอนเทนต์ว่า ออร์เดอร์เยอะมาก ทั้งๆ ที่ในนั้นก็มีออร์เดอร์ของตัวแทนที่เขาช่วยขายได้ 

ความพีคที่ทำให้ตัดสินใจว่าพอ
คือที่ตัวแทน คนหนึ่งพูดว่า แบบนี้คนสต๊อกก็เสียเปรียบสิ บางคนตั้งใจเปิดบิล ตั้งใจจะสร้างตัว แต่กลายเป็นทุนจม เพราะแบรนด์อยากปล่อยโปรอะไรก็ออกมา ก็ปล่อยตามใจ คุณ ซ เลยพิมพ์กลับมาว่า “อยากขายก็ขายครับ ไม่อยากขายก็ไม่ต้องขาย”

สุดท้ายความรู้ส่วนตัว 6,000 เป็น 15 ล้านได้ไหม ใน 3 เดือน สำหรับเรา เราคิดว่าได้ แต่เป็นยอดขาย ไม่ใช่กำไร แบบที่ K.ม ย้ำ ซึ่งนั่นแหละ เกินจริงชวนเชื่อ และเราไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้ว่าที่เขาทำมันผิด แต่เพราะครั้งก่อนๆ ยังไม่โดน ก็เลยทำมาเรื่อยๆ พอโดน ก็โป๊ะ รีบมาแก้ว่าเข้าใจผิด พรีมายารุ่นใหม่ๆ จะถูกสอนให้หาตัวแทน ให้ตั้งเป้าว่า เดือนนี้จะต้องเพิ่มสต๊อก ขยายยอดได้เท่าไหร่ เช่น เดือนนี้อยากได้ 1 ล้าน ต้องขายได้กี่กล่อง ต้องหาตัวแทนเพิ่มกี่คน ต้องให้ตัวแทนสต๊อกเท่าไหร่ แบบนี้ผลเลยออกมาเป็นทุกคนไม่โฟกัสสินค้า แต่เร่งหาตัวแทนเพราะอยากได้เงินได้ยอด ซึ่งปัจจุบันต้องยอมรับว่า ธุรกิจขายตรง จำนวนไม่น้อยแอบแฝงด้วยแชร์ลูกโซ่…