จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า มีข้อมูลร้องเรียนจากตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดของ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา อ้างว่าได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 คน เป็นชายและหญิง ก่อนนำมาที่โรงพัก และมีการเรียกเงินผู้ต้องหา จนผู้ต้องหาชายยอมจ่าย 1 ล้านบาท แต่ ผกก.ไม่ยอม จะเอา 2 ล้านบาท จากนั้น ผกก.ได้เอาถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาชายจนขาดอากาศหายใจและตายในที่สุด โดยบังคับลูกน้องว่าให้บอกกับหมอว่า เสพยาเกินขนาดตาย หลังจากนั้นปล่อยตัวผู้ต้องหาหญิงไป โดยบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรเพื่อแลกกับอิสรภาพ ทางตำรวจชุดจับกุมทนไม่ได้จึงร้องเรียนทางสื่อต่างๆ
ต่อมา พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการซ้อม หรือทำร้ายใดๆ ส่วนพ่อของผู้ต้องหาชายออกมาระบุว่า ไม่เป็นความจริง ผกก.คนดังกล่าว ไม่ได้เรียกรับเงิน และเป็นคนดีช่วยทุกอย่าง เผยลูกชายตายเองเหตุมีโรคเยอะจนเสียชีวิต ตามข่าวที่มีการเสนอไปแล้วนั้น
ผกก.แจงแล้ว!ยันไม่เคยรีดเงิน-ซ้อมผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ลั่นครอบครัวทราบดี
ฟังอีกด้าน!พ่อผู้ต้องหายันลูกน็อกดับเอง ผกก.นครสวรรค์เป็นคนดีไม่ได้รีดเงิน
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (หน.จต.) ลงพื้นที่ร่วมกับ พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ซึ่งในวันนี้มีการประชุมร่วมกัน เพื่อดำเนินการค้นหาความจริง เพราะเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข (ผบ.ตร.) ได้กำชับมาหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงให้ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีละเว้น
พลต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า จะต้องตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยทำงานร่วมกับทางจังหวัด ตั้งแต่การควบคุมตัว รวมถึงการดำเนินการทุกอย่างว่าเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ เพราะมีการตาย รวมถึงผลการชันสูตรพลิกศพ และจะเรียกสอบถามพยานทั้งหมด เพื่อค้นหาความจริงให้ได้ โดยว่าไปตามพยานหลักฐานทั้งหมด เริ่มต้นเป็นมาอย่างไร พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้ว่าตอนนี้ทางพ่อของผู้ตายจะออกมาบอกว่าไม่ติดใจเอาความ ก็เป็นคนละเรื่องกัน ถ้ามีการกระทำความผิดก็ต้องมีการดำเนินการ ทีมจเรตำรวจที่ลงพื้นที่ไปจะร่วมกับทางจังหวัดทำความจริงให้ปรากฏ แม้ขณะนี้จะมีคนพูดไปอย่างนู้นอย่างนี้ก็ว่ากันไป เราค้นหาความจริงและจะทำให้ดีที่สุด ส่วนผู้ที่ถูกร้องเรียนทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.บช.ภ.6 แล้วเพื่อไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่
จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องที่ว่า ภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในขณะนี้ โดนพุ่งเป้ามาทำให้มัวหมอง จะคลี่คลายอย่างไรนั้น ในขณะนี้ก็พยายามเต็มที่ ผบ.ตร.กำชับมาตำรวจต้องมีวินัย ทำงานให้ดีที่สุด เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัย แน่นอนทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากมาย และตำรวจเองก็เป็นประเด็นอยู่ ทุกคนที่อยู่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด ตั้งใจ ซึ่งทางจเรตำรวจได้กำชับให้ ข้าราชการตำรวจต้องมีวินัย มีความอดทน และต้องตั้งใจใส่ใจ จริงใจ ในการทำงาน เพื่อพี่น้องประชาชน แต่ก็คนหมู่มาก ใครทำผิดก็ไม่เอาไว้ พร้อมทั้งยืนยันว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวความจริงเป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า กรณีนี้พบความผิดปกติหรือมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ต้องแยกเรื่องความรู้สึกออกไปและนำความจริงออกมา ขอให้คณะที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานก่อนและรายงานขึ้นมาอย่างไรก็ตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ ซึ่งอาจจะใช้เวลานาน แต่ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่จะประวิงเวลา จเรตำรวจแห่งชาติพยายามทำให้ดีที่สุด
“บางครั้งอาจขัดความรู้สึกว่า ทำไมเรื่องนี้ตรวจสอบนาน แต่บางเรื่องก็ใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน เช่นเรื่องกรณีของตำรวจ สภ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช อมเบี้ยเลี้ยงโควิด ก็ไล่ออกจากราชการไปแล้ว เป็นตัวอย่างว่า การกระทำความผิดนั้นมีการลงโทษ แต่กระบวนการกว่าจะไปถึงข้อเท็จจริงมีระเบียบ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบสวนวินัย ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย มีการกล่าวหา เปิดโอกาสให้มาชี้แจง ก็เลยเสียเวลา ดูเหมือนนาน แต่ยังยืนยันว่าไม่มีอะไรที่จะมาประวิงเวลาได้ ตั้งใจทำงานให้เต็มที่” จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าว