เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ต้นเหตุ DSI ตบทรัพย์ “จีนเทา” เรื่องเริ่มจาก วันที่ 9 ธันวาคม 2565
สถานกงสุลใหญ่นาอูรูประจำประเทศไทย ส่งหนังสือให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบ “บ้านพัก” ของกงสุลใหญ่
เพราะเจ้าของบ้านที่ให้เช่า ร้องเรียนมาที่สถานกงสุลว่า
“มีรถเข้า-ออกมาก และเป็นคนจีนเข้าออกถึงตี 3 ตี 4 รบกวนผู้พักอาศัยข้างเคียงเดือดร้อน”
สถานกงสุลใหญ่นาอูรูจึงตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบว่าไม่ใช่บ้านกงสุลใหญ่ของนาอูรูจริง
แต่กลับเป็นของพวกจีนเทา ดูเอาแล้วกันพวกนี้ทำกันยังไง?
1. จีนเทาใช้รถตู้ โตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน ก-59 1005 กรุงเทพมหานคร เป็นป้ายสีฟ้า ตัวอักษรสีขาว
แต่ความเป็นจริง รถประจำตำแหน่งของกงสุลใหญ่นาอูรู เป็นยี่ห้อ โตโยต้า เอสติมา แอล สีดำ ทะเบียนเดียวกันเป๊ะ
พวกจีนเทาปลอมถึงขนาดป้ายทะเบียน แล้วไปแปะบนรถตู้อัลพาร์ดแทน
2. ตราประทับของสถานกงสุลนาอูรูบนสัญญาเช่าบ้าน ตรวจสอบแล้วไม่มีบันทึกรายงานการนำตราประทับไปใช้
จีนเทาทำได้อยู่แล้ว แม้แต่ปลอมตราประทับของสถานกงสุล
3. ลายเซ็นบนสัญญาเช่าบ้าน เป็นการปลอมลายเซ็นของกงสุลใหญ่ที่ย้ายออกจากตำแหน่งไปแล้ว
ดังนั้น ต้องทราบว่าสถานกงสุลใหญ่ขอให้อธิบดี DSI ช่วยตรวจสอบบ้านหลังนี้ ว่ามีใครมาสวมรอยเช่า?
แต่เจ้าหน้าที่ DSI ชุดปฏิบัติการ ดันทำตัว “นอกคอก” เสียเอง เห็นเงินแล้วตาลุกวาว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พวกจีนเทาอ้างไปหมด ปลอมได้ทุกอย่าง และพร้อมยอมจ่ายเต็มที่เพื่อหลุดรอดคดี
ท่านอธิบดี DSI จึงไม่ทราบว่า
ลับหลังท่าน เจ้าหน้าที่ DSI ไปร่วมมือกับตำรวจ 191 ตีกินเสียอิ่ม โดยที่ท่านไม่รู้เรื่อง
เหมือนส่งอ้อยเข้าปากช้างแท้ๆ
รายละเอียดการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสถานกงสุลใหญ่นาอูรู