สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ว่า "ทุกฝ่ายต้องยอมรับความจริง" ว่ากลุ่มตาลีบันยึดครองอัฟกานิสถาน "ได้แทบทั้งหมดแล้ว" ส่วนตัวเขา "มีความคาดหวัง" ให้กลุ่มตาลีบันรักษาคำมั่นสัญญาที่ประกาศไว้ทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูความมั่นคงและเสถียรภาพในทุกด้านให้กลับคืนสู่อัฟกานิสถาน หลังเข้ายึดครองกรุงคาบูลได้สำเร็จ เมื่อช่วงกลางเดือนนี้ 
ขณะเดียวกัน รัสเซียให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับการที่กลุ่มตาลีบันต้องรักษาความสงบเรียบร้อยภายในอัฟกานิสถาน เพื่อป้องกันไม่ให้ "กลุ่มก่อการร้าย" ใช้ประเทศแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศที่อยู่ร่วมภูมิภาค อย่างไรก็ดี การให้การยอมรับรัฐบาลอัฟกานิสถานชุดใหม่ ที่แน่นอนว่ากลุ่มตาลีบันต้องมีบทบาทอย่างมาก เป็นเรื่องที่รัฐบาลมอสโก "ไม่รีบร้อน"
ท่าทีดังกล่าวของปูตินนับเป็นการให้ความเห็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้นำรัสเซีย ที่มีต่อสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน ในเวลาเดียวกัน นายดมิทรี เซอร์นอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงคาบูล เปิดเผยเกี่ยวกับ การได้รับการติดต่อประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือ จากแกนนำระดับสูงฝ่ายการเมืองของกลุ่มตาลีบัน ในการให้รัสเซียทำหน้าที่คนกลางเจรจากับกองกำลังต่อต้าน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดที่แล้วร่วมด้วย และมีฐานอยู่ที่จังหวัดปัญจชีร์ ในภาคเหนือของอัฟกานิสถาน ว่ากลุ่มตาลีบันไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ และประสงค์บรรลุข้อตกลงอย่างสันติ
ปัจจุบัน จังหวัดปัญจชีร์เป็นเพียงจังหวัดเดียวจากทั้งหมด 34 จังหวัด ที่กลุ่มตาลีบันยังไม่สามารถยึดครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยเป็นฐานที่มั่นของ "กองกำลังสหภาพฝ่ายเหนือ" ซึ่งต่อต้านกลุ่มตาลีบันมานานแล้ว และเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) ในการสู้รบโค่อำนาจกลุ่มตาลีบัน เมื่อปี 2544.

เครดิตภาพ : AP