ไตรภาคีหน่วยงานภาครัฐ นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ (NFDS) และคณะกรรมการกีฬามวย ปลุกกระแสศิลปะมวยไทยครบเครื่อง จัดใหญ่กิจกรรมโรดโชว์โปรโมตมวยไทย ต่อยอดสร้างสรรค์สู่สินค้าอุตสาหกรรมกีฬา ผสานรวมศิลปวัฒนธรรมมวยไทยทุกแขนง เข้ากับโลกการสื่อสารไร้พรมแดนในรูปแบบ Virtual Exhibition ไว้ด้วยกัน โดยมุ่งส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทย ฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมการกีฬาเต็มรูปแบบ

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย กกท. เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทย ทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการผสานทุกศิลปวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สู่สินค้าและบริการในอุตสาหกรรมกีฬา เผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สร้างแรงจูงใจให้เกิดความสนใจ มาฝึกฝนศิลปะมวยไทยในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และยังเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาไปพร้อมกัน

“ปัจจุบันมวยไทยได้รับความสนใจทั้งในเชิงกีฬาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและศิลปะการป้องกันตัว ที่เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก การส่งเสริมและเผยแพร่ธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทย ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นและส่งต่อผลลัพธ์ที่ทรงพลังในระยะยาว เป็นกลยุทธ์ในการช่วยส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จัก และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจค่ายมวยไทยและอุตสาหกรรมมวยไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” รองน้อย กล่าว

รองผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อว่า มหกรรมมวยไทย ต้อนรับปีเถาะที่ยิ่งใหญ่นี้จัดขึ้นที่อาคารเอนกประสงค์และลานหน้าอินตอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร โดยกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานประกอบด้วย การแข่งขันชิงชนะเลิศไหว้ครูและนาฏยุทธ์มวยไทย การประกวดวงปี่พาทย์มวยไทย การแข่งขันมวยไทยในรายการครูดามไฟต์ 18 การแข่งขันมวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากลประจำปี 2565 ในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมด้วยคู่มวยแม่เหล็ก

สำหรับการแข่งขันวงปี่พาทย์มวยไทย จำนวน 9 ทีม ทีมชนะเลิศ ได้แก่ วงไชย์ชนก รองชนะเลิศ ได้แก่ วงคุณชาย อันดับ 3 ได้แก่ วงศิษย์สมานมิตร ส่วนแข่งขันนาฏยุทธ์มวยไทย ซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมทั้งสิ้น 9 ทีม ทีมชนะเลิศ ได้แก่ ทีมศาตรา โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ รองชนะเลิศ ได้แก่ ทีมบารมีสำราญราชบันเทิงศิลป์ และอันดับ 3 ได้แก่ ทีมมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง

ส่วนผลการแข่งขันมวยไทยในท้องถิ่นจากรากหญ้าสู่สากลประจำปี ชิงชนะเลิศ รุ่นน้ำหนัก 118 ปอนด์ จรัสชัย ป.ปัญญวัฒน์ (ตรัง) ชนะทีเคโอ ยก 4 ร้อยเหลี่ยมเพชร ส.ธนโชติ (ระยอง), รุ่น 115 ปอนด์ ลำน้ำเข็ก ผดุงชัยมวยไทยยิม (พิษณุโลก) ชนะทีเคนโอ ยก 1 พญาครุฑ เสือจันถกมวยไทย (สงขลา) และรุ่น 112 ปอนด์ ซุปเปอร์แบงค์ ศ.อภิเดช (ตรัง) เสมอกับ เจริญทอง ศูนย์เยาวชนคลองเตย (กรุงเทพ) ครองแชมป์ ร่วมกัน

การจัดแสดงนิทรรศการมวยไทยจัดเป็นไฮไลต์สำคัญของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ แสดงถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมกีฬาของไทยที่มีศักยภาพเพียงพอในการผลักดันธุรกิจมวยไทยไปสู่อุตสาหกรรมกีฬาระดับโลก ด้วยพัฒนาการของวงการมวยไทยในหลายแง่มุมที่น่าสนใจ ครอบคลุมสำเร็จของค่ายมวยไทยที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับการประเมินผ่านเกณฑ์มาตรฐานกว่า 30 แห่ง การจัดแสดงชีวประวัติและผลงานของปูชนียบุคคลและนักมวยที่มีชื่อเสียงในวงการกีฬามวย ความก้าวหน้าในวงการกีฬามวยไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมของมวย และยังมีสินค้ามวยไทยหลากประเภทที่ล้วนถูกนำมาจัดแสดงภายในงานนี้ เพื่อให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมงานได้เลือกซื้อหาอย่างครบครัน อีกด้วย

“ผู้ที่สนใจยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเยี่ยมชมนิทรรศการจากการจำลองรูปแบบงาน Roadshow ในรูปแบบ Virtual Exhibition หรือนิทรรศการเสมือนจริง 360 องศา ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ เสมือนได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจท่ามกลางงานมหกรรมมวยไทย ณ อินตอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ด้วยตนเองจริงๆ เป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมในรูปแบบไฮบริดที่มีทั้ง Offline และ Online ควบคู่กัน สามารถตอบโจทย์และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยผู้สนใจยังคงสามารถติดตามรายละเอียดของการจัด Virtual Exhibition ได้ที่เว็บไซต์ https://muaythaiexpo.co” นายทนุเกียรติ กล่าว.