“มองไกล เห็นใกล้” สัปดาห์นี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประเทศไทย ที่ทุบสถิติรายวัน ทะลุเพดานแตะสองหมื่น เช่นเดียวกับยอดตายต่อวันที่ไต่ระดับทะลุ 300 ศพ ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดของรัฐบาล ทั้งงัดกฎเหล็กเคอร์ฟิว สั่งเวิร์กฟรอมโฮม ปิดธุรกิจห้างร้านบางประเภท ห้ามทำกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก บล็อกการเดินทางข้ามจังหวัด แต่ดูเหมือนมิอาจหยุดการลุกลามของไวรัสมรณะได้

การระบาดระลอกนี้กินเวลายาวนานกว่าครั้งก่อนๆ ความหวังเดียวที่จะหยุดการติดเชื้อ คือกระจายการฉีดวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด แต่เมื่อสถานการณ์ “ม้าเต็ง” อย่างแอสตราเซเนกาไม่มาตามนัด ในขณะที่ก็ยังดันทุรังสั่งวัคซีน “ม้ารอง” ซิโนแวค เข้ามาอีกหลายล้านโด๊ส  มิต่างกับ “ตลกร้าย” ของคนไทย ที่ต้องมารับ “ผลกรรม” จากการบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด

เมื่อหันไปดูเพื่อนร่วมโลกหลายประเทศก็รู้สึกอิจฉาไม่น้อย โดยเฉพาะแถบยุโรปและในสหรัฐ ที่ยกเลิกมาตรล็อกดาวน์ ยกเลิกการสวมหน้ากาก ร้านค้าหลายแห่งกลับมาเปิดกิจการ ผู้คนออกมาทำมาหากินกันได้ กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติแล้ว แต่บ้านเรายังวนลูปย่ำอยู่กับที่เหมือนวันแรก 

โควิดระบาดไม่พอ ยังต้องเผชิญหน้ากับอุณหภูมิบ้านเมืองที่เข้มข้น การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ ที่พากันลงถนน เพราะทนการบริหารงานของรัฐนาวา “ลุงตู่” ไม่ไหว ไหนจะเรื่องแก้ไขโควิด ไหนจะเรื่อจัดการวัคซีน ส่งผลให้มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทั้งในรูปแบบ “คาร์ม็อบ” “แฟลชม็อบ”  

ขืนปล่อยไปแบบนี้รังจะมีแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นท่ามกลางสถานการณ์เปราะบาง ยังไม่นับรวมการออกกฎหมายไม่ให้เอาผิดแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงคณะผู้จัดหาวัคซีน หรือ “นิรโทษกรรม” โควิด ที่ฉากหน้าดูเหมือนจะคุ้มครองบุคลากรด่านหน้า แต่ฉากหลังมิต่างกับการเอาหมอมาอ้าง นิรโทษกรรมวงการเมืองการจัดหาวัคซีน

จะว่าไปการล็อกดาวน์ครั้งนี้นอกจากไม่เห็นผล ต้องยอมรับว่า “เสียของ” หากปล่อยนานไปโดยไม่ทำอะไร แลดูเหมือนว่าจะเสียหายหนัก หนึ่งประเด็นน่าสนใจ นายสนั่น อังอุบลกุุล ประธานสภาหอการค้าไทย ออกมาแสดงความเห็นการล็อกดาวน์ ไม่ใช่แนวทางเดียวที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น การกระจายวัคซีนให้เร็วและครอบคลุม ยังเป็น “หัวใจสำคัญ”

ในทางกลับกันการล็อกดาวน์ยืดเยื้อ แต่ไม่มีวัคซีน นอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ยังจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจประเทศได้รับผลกระทบหนัก และจะลุกลามสู่ปัญหาสังคม เพราะจากการสำรวจได้รับเสียงสะท้อนว่าลูกจ้าง “ไม่มีทรัพย์สินไปจำนำแล้ว” เข้าขั้น “หมดตัว” ซึ่งเป็นสัญญาณการก่ออาชญากรรมอาชญากรรม อยากให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบด้าน หากจะตัดสินใจขยายล็อกดาวน์เพิ่มเติม

ทางที่ดีควรเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้โดยเร็วและยอมรับที่จะอยู่กับมันให้ได้ ไม่ใช่วัคซีนยังไม่เต็มแขน โควิดยังไม่ทุเลา แต่จะดันทุรังคลอดกฎหมาย “นิรโทษกรรม” ออกมาให้ได้

ถ้าทำแบบนี้จริง ก็ใจจืด-ใจดำกันเกินไป และหากการแก้ปัญหามันยากนัก แนะนำให้ท่านๆ ทั้งหลาย เปิดเพลง “พักก่อน” ของน้องมิลลิ และให้โอกาสคนอื่นที่พร้อมเข้ามาทำ…..ดีกว่ามาขอ “นิรโทษกรรม” ให้เสียเวลา.

นายอัคคี