อัตตา หิ อัตตโน นาโถ!! ทางรอด…ของ “ขาช้อป”

ปัญหา “ขาช้อป” ซื้อของออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อดัง โดยผูกบัญชีกับธนาคาร แล้วถูกดูดเงินในบัญชีหาย ยังไม่มีข้อยุติ เพราะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ถูกดูดเงินไปได้อย่างไรกันแน่

แม้บรรดา “เหยื่อ” ที่ถูกดูดเงิน ได้เดินสายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งทนายชื่อดัง ทั้งแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และอีกสารพัดเข้ามาช่วยเหลือ

แต่ทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่ว่าจะเป็นทางตำรวจ หรือทาง สคบ. ก็ต้องพิสูจน์ สืบเสาะหาหลักฐานกันต่อไปอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเสียรู้ เป็นความเลินเล่อ หรือตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพกันแน่

ขณะที่แอพชื่อดัง ก็ยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจาก “เหยื่อ” ถูก ฟิชชิ่ง หรือถูกหลอกลวงออนไลน์ แต่!! ก็แอ่นอกยืนยันให้ความช่วยเหลือเต็มที่ อย่างน้อย…ก็เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่อย่างมาก!! ก็ต้องเรียกความเชื่อมั่นจาก “ขาช้อป” ให้กลับมามากที่สุด และยังคงไว้เนื้อเชื่อใจ

ต้องยอมรับว่า…เรื่องราวของการถูกหลอกลวงออนไลน์ มีสารพัดรูปแบบ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เกิดขึ้นมานานแสนนาน ตั้งแต่สังคมไทยเข้าสู่ยุค “ออนไลน์”

อยู่ที่ว่า… บรรดา “เหยื่อ” ที่เสียรู้นั้นเจ็บตัวน้อย หรือเจ็บตัวมาก ใครที่ตามทันอาจไม่เจ็บปวดมากนัก ได้แต่เสีย “ค่าโง่” ส่วนคนที่ตามไม่ทัน ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียผู้เสียคน บางรายอาจคิดสั้นจบชีวิต หนีปัญหาไปเลยก็มี

กระแสข่าวเรื่องของการถูกหลอกลวงออนไลน์ เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน แม้ภาครัฐ ภาคเอกชน สารพัดหน่วยงาน จะออกข่าวแจ้งเตือน ให้ข้อมูล ให้ความรู้สารพัดวิธี เพื่อตักเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง ให้ตระหนักถึงกลลวง

แต่สุดท้าย!! ก็ยังมี “เหยื่อ” เกิดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจยังลูกผีลูกคน ก็ยิ่งทำให้ “แก๊งหลอกลวง” เกิดขึ้นแทบทุกวัน

เรื่องนี้…ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ต้อง “อัตตา หิ อัตตโน นาโถ” เท่านั้นถึงจะรอด!!

จากกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้สมาคมธนาคารไทย ต้องออกแถลงการณ์ พร้อมกับขอให้แบงก์สมาชิก เร่งติดตามตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง พร้อมประสานแอพชื่อดัง ตรวจสอบธุรกรรมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ

ไม่เพียงเท่านี้ ยังได้เสนอแนะแนวทางปฏิบัติให้กับขาช้อปทั้งหลาย ได้ตระหนักและหันมาสำรวจตัวเอง ว่าได้ดำเนินการตามหรือไม่ เพราะอย่างน้อย ก็เป็นการป้องกันตัวเองไว้ก่อน ตามหลักคำสอนที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นั่นแหละ…

หาก “ขาช้อป” ต้องการความสะดวกสบายในการชอปปิง ในการซื้อสินค้า ด้วยการผู้กบัญชีธนาคาร สิ่งแรกเลยที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ เรื่องของ “วงเงิน” เอาแค่พอเหมาะพอควรตามความจำเป็น หรือเท่าที่รับความเสี่ยงได้ก็พอแล้ว

ที่สำคัญ!! เมื่อหมดความจำเป็น ก็อย่าเพลิน ต้องยกเลิกการผูกบัญชีธนาคารกับร้านค้าออนไลน์ ต้องตั้งค่าแจ้งเตือน เพื่อรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ก็คือ…ต้องไม่เปิดเผยรหัสผ่าน PIN หรือข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่า เปิดทางให้มิจฉาชีพเข้ามาล้วงข้อมูลได้

และ… ที่ละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด ขาช้อปทั้งหลายต้องศึกษาทำความเข้าใจข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้งาน รวมถึงมาตรการความปลอดภัยของแพลตฟอร์มของแอพพลิเคชั่น ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนตกลงทำธุรกรรมใด ๆ

หากสงสัยว่าตัวเองกำลังตกเป็น “เหยื่อ” ส่งแรกที่ต้องปฏิบัติทันที คือ ต้อง“เปลี่ยนรหัสผ่าน” ของระบบบัญชีออนไลน์นั้น จากนั้นต้องติดต่อไปยังแบงก์ที่ผูกบัญชี หรือผู้ให้บริการซื้อขายสินค้าออนไลน์นั้น ๆ

ทั้งนี้ ก็เพื่อทำการตรวจสอบความผิดปกติของบัญชีหรือธุรกรรมโดยเร็วที่สุด ว่าเกิดขึ้นจากอะไร ต้นสายปลายเหตุ และปลายทางอยู่ที่ไหน ก่อนที่เงินจะเกลี้ยงบัญชี

แนวทางเหล่านี้!! แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเชื่อได้ว่า ทุกคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ… ทุกคนให้ความสำคัญหรือตระหนักกันมากน้อยเพียงใด หากละเลย ก็คงหนีไม่พ้นตกเป็น “เหยื่อ” ได้อย่างง่ายดายกันทีเดียว

ต่อให้บางคนระมัดระวังแบบสุด ๆ ยังหนีไม่พ้น อย่าลืมว่า…กระบวนการทางกฎหมายไม่ได้รวดเร็วทันใจอย่างที่ทุกคนนึก กว่าจะเอาผิด กว่าจะได้รับการชดใช้ชดเชยค่าเสียหาย ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

หนทางที่ดีที่สุดก็คือ…ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั่นแหละ ถึงจะรอด!! นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”