นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2022 เปิดฉาก ผมใช้เวลาไปกับการดูฟุตบอลทุกวัน และหลายครั้งก็เป็นคู่ที่เตะ 4 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น สารภาพตามตรงเลยครับว่าหลายคู่ทำเอาผมนั่งหาวไปหลายหวอด 

แต่เกมระหว่าง ญี่ปุ่น กับ สเปน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คือเกมแรกที่เตะ 4 ทุ่มแล้วผมไม่หาว ไม่รู้สึกง่วงหรือเพลียที่จะดูเลยสักนิด..!!!

และสารภาพตามตรงอีกเรื่องว่าเกมนี้ ผมเอาใจช่วยทัพนักเตะ “ซามูไร บลู” เต็มที่ แต่รูปเกมครึ่งแรก ทำเอาแทบจะถอดใจ เพราะพลพรรค “กระทิงดุ” ควบคุมทุกอย่างในกำมือ แถมยังได้ประตูนำอีกต่างหาก ประตูกลับมาของ ญี่ปุ่น ตีบเหลือเกิน 

แต่พอเริ่มครึ่งหลัง เหมือนมีใครรีเพลย์ภาพเกมกับ เยอรมนี ยังไงยังงั้น โมริยาสึ สั่งลูกทีมเดินหน้าเต็มสูบ ก่อนได้ 2 ประตูรวดแซงนำเฉย เหมือนมวยดูเชิง 2 ยกแรก แล้วออกมาเร่งยก 3 ชุดเดียวแล้วผ่านเลย

ประตูนำ 2-1 ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดราม่านั้น ก็แล้วแต่มุมมอง แต่ของแบบนี้ผู้ตัดสินระดับ ฟีฟ่า ต้องมีหลักฐานรองรับการตัดสินอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้ครึ่งหลังสนุกตื่นเต้นยิ่งกว่า คือสถานการณ์ของอีกคู่ ซึ่งส่งผลต่อการเข้ารอบตกรอบ และสิ่งที่ทำให้บรรยากาศในสนามมันยิ่งเข้มข้น คือเมื่อมีประตูเกิดขึ้นไม่ว่าจะสนามไหน จอภาพขนาดยักษ์ในสนามจะขึ้นตารางคะแนนแบบเรียลไทม์ให้ดูทันที ซึ่งพอมีตารางขึ้นมาที ก็เรียกเสียงฮือฮากันทั้งสนาม 

อย่างไรก็ตาม เมื่อ เยอรมนี แซงกลับมานำ พวกเขาทำให้แค่ภาวนาให้ สเปน ยิงตีเสมอ ญี่ปุ่นให้ได้ พวกเขาจึงจะแซงเข้ารอบแต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น ญี่ปุ่น ก็ชนะ สเปน และเกี่ยวแขนกันเข้ารอบไปชนิดที่แฟนบอลญี่ปุ่นบนอัฒจันทร์ด้านหลังผมหลายคนมีน้ำตา ทำเอานักข่าวที่แอบเชียร์พวกเขาอย่างผมแอบขนลุกไปด้วย…!!!

รอบต่อไป ขุนพล “ซามูไร บลู” จะดวลกับ โครเอเชีย ซึ่งถือเป็นงานหนักไม่น้อย แต่เมื่อผ่าน เยอรมนี กับ สเปน มาได้ก็คงไม่จำเป็นต้องเกรงใจ “ตาหมากรุก” โอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายตามเป้ามีความเป็นไปได้

กระนั้น สำหรับผม ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมชาติญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้เลือดบูชิโด และผมถือว่าพวกเขาประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะผ่านหรือไม่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ตาม…

ผยองเดช