เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชุดสืบสวนคดี แก๊งทุนจีนสีเทา อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนขยายผลจากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทลายแหล่งทุน และตรวจยึดทรัพย์ นายตู้ห่าว หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 29-30 พ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่อดำเนินการเอาผิดยึดทรัพย์กลุ่มทุนจีนสีเทา และอยู่ระหว่างการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยมีรายงานว่า ชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลกลุ่มทุนจีนกลุ่มหนึ่ง ที่มีการใช้คนไทยเป็นนอมินี ถือครองทรัพย์
อีกทั้งยังพบข้อมูลสำคัญ ภายหลังตรวจค้นคอนโดฯ หรูย่านเจริญนคร กรุงเทพฯ ห้องชุด ชั้น 69 พบว่า มีการซื้อห้องชุดด้วยเงินสด 100 ล้านบาท ในนามบริษัทธุรกิจการผลิตเม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ใน จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มีนายซู่เหวียนฮุย เป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่มีหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ และมีนายมงคล หาญเชิงชัย ถือหุ้น 41 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงมีคนไทยอีก 1 คน ถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ที่น่าแปลกใจคือ เจ้าหน้าที่ติดตามตัวนายมงคล หาญเชิงชัย ได้ที่ จ.ชลบุรี และสอบปากคำทำให้ทราบว่า แท้ที่จริงแล้ว นายมงคล มีอาชีพรับจ้างทำความสะอาดสระ และล้างสระน้ำ รวมถึงน้ำตกจำลอง มีรายได้เพียงเดือนละ 6,000-7,000 บาท เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากนี้ชุดสืบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังพบข้อมูลการระดมทุนจดทะเบียนบริษัทแบบก้าวกระโดด หลังตรวจสอบมีบางบริษัท แรกเริ่มมีทุนจดทะเบียน 1-2 ล้านบาท ก่อนที่คล้อยหลังมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนมากขึ้นหลายเท่าตัว บางบริษัทเพิ่มขึ้นกว่าหลักร้อยล้านในรอบปี ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้มี รายงานอีกว่าในระหว่างที่ค้นห้องชุดคอนโดฯ หรูย่านเจริญนคร ชั้น 69 พบชายชาวจีนคนหนึ่ง มีหนังสือเดินทางจีน อีกทั้งยังพบบัตรประจำตัวของประเทศวานูวาตู ลักษณะคล้ายบัตรประชาชนของไทย ซึ่งเป็นของคนจีนคนดังกล่าวด้วย สอดรับการชุดสืบสวนที่พบข้อมูลว่า ปัจจุบันมีคนจีนจำนวนมากที่ถือสองสัญชาติ ทั้งสัญชาติจีนและสัญชาติวานูวาตู เข้ามาในประเทศ อีกทั้งยังพบว่า ในรอบสองสามปีที่ผ่านมา มีคนจีนที่ถือครองสัญชาติวานูวาตู เข้ามาในไทยและถือครองทรัพย์สินคอนโดฯ หรือบ้าน ผ่านการโอนกรรมสิทธิ์
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ขยายผลกลุ่มคนไทยที่มีลักษณะเป็นนอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนกลุ่มคนจีนสีเทา หลังพบพฤติกรรมถือครองทรัพย์สินแทนของคนไทย ในลักษณะนอมินี จากการตรวจค้นในหลายครั้งที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังให้ชุดทำงานตรวจสอบข้อมูลเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ 1 ในแก๊งทุนจีนสีเทาที่จอดอยู่ในอาคารเก็บเครื่องบิน ที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นพบข้อมูลใบสำคัญการจดทะเบียน จากสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ชื่อเจ้าของคือ MODERN LATEX COMPANY LIMITED เป็นบริษัทที่นายตู้ห่าว ถือหุ้นใหญ่ 60 เปอร์เซ็นต์ ภรรยานายตู้ห่าว ถือครองหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ และมีนาย ส. (สงวนนามจริง) ถือหุ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำนักเที่ยวภายในผับจินหลิง ที่อยู่ในการควบคุมไปแล้ว 83 ปาก และสอบปากคำพยานแวดล้อมกว่า 202 ปาก อีกทั้งมีการแบ่งสำนวนการสืบสวนสอบสวนเพื่อสั่งฟ้อง 4 คดี ประกอบไปด้วย คดียาเสพติด, สมคบค้ายาเสพติด, นอมินี และเลี่ยงภาษีสรรพสามิต ใน 4 ท้องที่คือ สน.ยานนาวา, สน.คลองตัน, สน.มักกะสัน และ สน.สุทธิสาร จากการเข้าตรวจค้นผับที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของ ทั้งผับจินหลิง ผับเบบี้เฟช สเปซพลัสผับ และผับท็อปวัน ซึ่งจากการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ยึดทรัพย์กว่า 5 พันล้าน ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นเรื่องของการสอบสวนเป็นหลัก โดยมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เพื่อที่จะส่งฟ้องต่ออัยการให้ทันภายใน 2 สัปดาห์