สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.เกี่ยวกับความคืบหน้าหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 แมกนิจูด ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรีอาเรียล อ็องรี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลานาน 1 เดือนนั้น
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเฮติรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากธรณีพิบัติภัยครั้งนี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 1,941 ราย และสถิติผู้ได้รับบาดเจ็บสะสมเพิ่มเป็นมากกว่า 9,900 คน ขณะที่ในเวลาเดียวกัน พื้นที่ส่วนใหญ่ของเฮติเผชิญกับอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เกรซ" ส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมอย่างน้อย 38 เซนติเมตร
แม้ยังไม่มีรายงานความเสียหายอย่างเป็นทางการจากอิทธิพลของพายุ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่า "บทเรียนครั้งใหญ่" จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 แมกนิจูด ใกล้กับกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมื่อปี 2553 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 ราย และทำลายโครงสร้างพื้นฐานของระบบสุขาภิบาลในประเทศ ที่เปราะบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว "จนราบเป็นหน้ากลอง" นั้น "แทบไม่ช่วยอะไร"
ขณะที่สำนักงานสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประจำเฮติ ออกแถลงการณ์ยืนยัน พร้อมมอบความสนับสนุนด้านมนุษยธรรม และเสนอการจัดตั้ง "ระเบียงมนุษยธรรม" เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัย และการปกป้องคุ้มครองพลเรือน
นอกจากนี้ เฮติยังคงเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ระบุว่า ยังไม่มีวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และการเมืองซึ่งไร้เสถียรภาพ นับตั้งแต่เกิดเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส เมื่อต้นเดือนที่แล้ว.
เครดิตภาพ : AP