สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ว่าหลังกลุ่มตาลีบันกลับคืนสู่อำนาจอย่างเต็มรูปแบบ เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยยกพลเข้าสู่กรุงคาบูล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลพลเรือนที่สหรัฐให้การสนับสนุน รวมถึงประธานาธิบดีอัชราฟ กานี เดินทางออกไปลี้ภัยในต่างประเทศนั้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันจันทร์ ยืนยันการตัดสินใจของตัวเอง ในการเร่งถอนทหารสหรัฐชุดสุดท้าย "ประมาณ 2,500 นาย" ให้เดินทางออกจากอัฟกานิสถาน ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ โดยอธิบายว่า "ไม่มีทางที่สหรัฐจะมีช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับการถอนทหาร" ออกจากประเทศแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ไบเดนยอมรับว่า สถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในอัฟกานิสถานตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา "พลิกผันไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก" และตำหนิการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของรัฐบาลคาบูล โดยเฉพาะกานี ที่เพิกเฉยต่อคำแนะนำของสหรัฐ ซึ่งต้องการให้ "ประนีประนอมทางการเมือง" กับกลุ่มตาลีบัน แต่กลับ "หลบหนี" ออกนอกประเทศ และ "การถอดใจ" ของทหารและตำรวจอัฟกัน ทั้งที่ทุกคนผ่านการฝึกฝนเป็นอย่างดีจากกองทัพสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ไบเดนกล่าวถึงข้อตกลงโดฮา ที่รัฐบาลวอชิงตันลงนามร่วมกับกลุ่มตาลีบัน เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่ากลายเป็นข้อตกลงที่ "ทำให้กลุ่มตาลีบันอยู่ในจุดแข็งแกร่งที่สุด นับตั้งแต่ปี 2544" อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐเตือนกลุ่มตาลีบัน "ต้องเผชิญกับการตอบโต้อย่างสาสม" หาก "รบกวน" การอพยพของเจ้าหน้าที่การทูตและพลเมืองอเมริกัน ตลอดจนชาวอัฟกันซึ่งได้รับความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับการเคยทำงานร่วมกัน อาทิ การเป็นล่าม
ทั้งนี้ ไบเดนยังไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน ว่ารัฐบาลวอชิงตันจะให้การยอมรับรัฐบาลตาลีบันหรือไม่ แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ว่าทัศนคติและมุมมองต่อรัฐบาลอัฟกานิสถานในอนาคต ขึ้นอยู่กับ "พฤติกรรม" ของอีกฝ่ายเป็นสำคัญ.
เครดิตภาพ : AP