ประเทศไทยกำลังตื่นตัวกับกระแส “ซอฟต์ พาวเวอร์” แบบสุด ๆ และทุกครั้งที่ถูกพูดถึง ก็จะมาจากศิลปิน นักแสดง สินค้า แฟชั่น แหล่งท่องเที่ยว เทศกาล และอาหาร

ขณะเดียวกันรัฐบาลของ “บิ๊กตู่” ก็มีนโยบายชัดเจนที่จะส่งเสริมวัฒนธรรม 5 F ที่เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ของไทยให้กลายเป็นสินค้าทางส่งออกทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย เริ่มจาก…

1.อาหาร (Food)

2.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film)

3.การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion)

4.ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting)

5.เทศกาลประเพณีไทย (Festival)

ด้วยเพราะ… เอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ได้กลายเป็นรากฐานที่เป็นทุนทางวัฒนธรรม สะท้อนผ่านอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม บันเทิง เพลง ภาพยนตร์ และสถานที่ท่องเที่ยว กลายเป็น ซอฟต์ พาวเวอร์ไทย ที่เป็นที่รู้จักและได้รับการชื่นชมจากคนทั่วโลก

โดยล่าสุด!! รัฐบาลของบิ๊กตู่ ก็ได้นำเอา “ความเชื่อ” ของคนไทย มาต่อยอดให้เป็น ซอฟต์ พาวเวอร์ ในการนำทุนวัฒนธรรมมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและนำรายได้เข้าประเทศไทย โดยเห็นชอบให้ “นาค” เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ประเภทสัตว์ในตำนาน

ครม.ไฟเขียว ‘นาค’ เอกลักษณ์ประจำชาติประเภทสัตว์ในตำนาน

นั่นเท่ากับว่า!! เป็นการเปิดประตู่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน เพราะถือว่าได้เชื่อมโยงระหว่าง ประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของชาติเข้าด้วยกัน

ทั้งหลายทั้งปวง หากดำเนินการอย่างจริงจังแข็งขัน ก็หมายความว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ จนกลายเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม ที่นำรายได้เข้าประเทศได้จำนวนไม่น้อยทีเดียว

ต้องบอกว่า “ความเชื่อ” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน เพราะหากดู นิยามของความเชื่อ ก็คือ ความคิด ความเข้าใจ การยอมรับนับถือ ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยมีหรือไม่ต้องมีเหตุผลมาสนับสนุนหรือพิสูจน์

ขณะเดียวกัน “นาค” ก็เป็นความเชื่อที่ปรากฏในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตคนไทย ที่สะท้อนถึงตำนานและความเชื่อมาตั้งแต่อดีต โดยสื่อออกมาผ่านทางขนบธรรมเนียมประเพณีศิลปวัฒนธรรม พิธีกรรม สารพัด

มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งการเป็นผู้พิทักษ์ศาสนา เป็นบันไดเชื่อมระหว่างโลกและสวรรค์ บั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา และประเพณีไหลเรือไฟ เรือที่ตกแต่งขึ้นก็แทนพญานาคเพื่อลอยไปบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น

จึงปฎิเสธไม่ได้ว่า “นาค” หรือ “พญานาค” จึงถือเป็นสัญลักษณ์สะท้อนวัฒนธรรมของประชาชนคนไทยอย่างแนบแน่น!!

ปัจจุบันสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบภาพต้นแบบ เพื่อสื่อให้เห็นถึงภาพรวมความเชื่อเกี่ยวกับนาค โดยเป็นรูปพญานาค 4 ตระกูล คือ ตระกูลวิรูปักษ์ เป็นสีทอง ตระกูลเอราปถ เป็นสีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ เป็นสีรุ้ง และ ตระกูลกัณหาโคตมะ เป็นสีดำ และมีนาคตัวใหญ่สุด เป็น นาควาสุกรี ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับพระพุทธศาสตร์และพระมหากษัตริย์

แม้ว่าในปัจจุบัน บรรดา “สายมู” ทั้งหลาย ต่างมีความเชื่อในเรื่องของการยกฐานะของตัวเองให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดความร่ำรวย หรือประสบความสำเร็จ และอีกหลายความเชื่อก็ตาม

ที่สำคัญ ในเรื่องของการนำสัตว์ในตำนานมาเป็นเอกลักษณ์ของชาติ นั้น ไม่ใช่มีเพียงแค่ประเทศไทย ประเทศเดียวเท่านั้น

เพราะจากข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า ประเทศที่มีสัตว์ประจำชาติประเภทตำนาน หรือเทพนิยาย หรือประเภทความเชื่อ นั้น ต่างมีอยู่ถึง 157 ประเทศกันทีเดียว

และทั้ง 157 ชาติ ต่างก็ยึดหลักที่ว่า … คนในชาติมีความเชื่อ มีความศรัทธา จนรังสรรค์ให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ เป็นจำนวนไม่น้อย

อย่างกรณีของ จีน ที่ทุกคนต่างรู้จัก “มังกร” กันดีอยู่แล้ว ที่เป็นสัตว์ในตำนาน หรือจะเป็นที่ อินโดนีเซีย ที่มี “ครุฑ” เป็นสัตว์ในตำนานสัญลักษณ์ หรือแม้แต่ที่กรีซ ที่มี “นกฟีนิกซ์”

สัตว์ในตำนานเหล่านี้ มักจะนำมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเป็นตราแผ่นดิน เป็นโล่และอาร์ม หรือปรากฏในธงต่าง ๆ และมีความเกี่ยวข้องกับสถาบันเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้น!! การที่รัฐบาลได้คัดเลือกให้ “นาค” เป็นสัตว์ประจำชาติประเภท สัตว์ในตำนาน ก็ไม่ได้ผิดแปลกแหวกแนวอะไร

ปัญหาอยู่ที่ว่า…ในเมื่อประเทศไทย มี ซอฟต์ พาวเวอร์ อยู่มากมาย บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย ก็ต้อง “หยิบยก” แล้วนำมาพัฒนา นำมาต่อยอด ให้เกิดรายได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เล่นไปตามกระแสแบบวูบวาบ แล้วก็ดับหายไป

สุดท้าย!! กลายเป็นเพียงแค่ “ตีฆ้องร้องป่าว” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ซอฟต์ พาวเวอร์ สร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศ ดูอย่างเกาหลีโน่น!! ดีกว่าจะมานั่งคิด มานั่งออกนโยบายประเภทที่ถูกประนามว่า “ขายชาติ” !!

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”