สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 76 ปี การเป็นเอกราชจากจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งปกครองคาบสมุทรเกาหลี ระหว่างปี 2453-2458 ว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นควรประสานความร่วมมือกัน "เพื่อฟันผ่าอุปสรรค" บนพื้นฐานของคุณค่าทางประชาธิปไตยและระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ตลอดจนความร่วมมือในการขจัดภัยโรคระบาด ที่ปัจจุบันคือวิกฤติโรคโควิด-19 และปัญหาสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวถึง "ประเด็นทางประวัติศาสตร์" ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น "เป็นเรื่องที่ยังคงต้องหารือและแก้ไขร่วมกัน" แต่นับจากนี้จะเป็นการดำเนินการตามแนวทาง ที่เป็นบรรทัดฐานของประชาคมโลก
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นตึงเครียดอย่างหนัก ในหลายประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับ "หญิงบำเรอ" โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลแขวงกรุงโซลอ่านคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่โจทก์ร่วม 20 คน เป็นอดีตหญิงบำเรอชาวเกาหลีใต้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และทายาทของอดีตหญิงบำเรอซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ต้องการให้รัฐบาลญี่ปุ่น "ขอโทษอย่างเป็นทางการ" และชดใช้ค่าเสียหายเป็นรายบุคคลให้แก่ผู้ถูกกระทำ
ผู้พิพากษากล่าวว่า กฎหมายระหว่างประเทศได้บัญญัติ "ความคุ้มกันแห่งรัฐ" ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์จากการถูกบังคับตามกฎหมายบางประเภท ที่รัฐผู้รับมีให้แก่คณะผู้แทนทางการทูตของรัฐผู้ส่ง เพื่อให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองรัฐขับเคลื่อนไปอย่างมีประสิทธิภาพ การระงับหรือเพิกถอนสิทธิดังกล่าว ความขัดแย้งทางการทูตครั้งใหญ่ระหว่างทั้งสองรัฐ "จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
ขณะเดียวกัน ศาลยังกล่าวถึงข้อตกลงระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น เมื่อปี 2558 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ มีหนังสือขอโทษมายังเกาหลีใต้ในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และตั้งกองทุนมูลค่า 1,000 ล้านเยน ( ราว 304 ล้านบาท ) เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กระนั้น ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลแห่งเดียวกันนี้มีคำพิพากษาว่า ญี่ปุ่นไม่อาจใช้ความคุ้มกันแห่งรัฐต่อการตกเป็นจำเลยในคดีซึ่งเกิดขึ้นในอีกรัฐหนึ่งได้ โดยเฉพาะคดีที่เข้าข่าย "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ".

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES