พระครูสมุห์สนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกนี้ พบว่ามีผู้ที่ติดเชื้อ และเสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้นวัดพระธรรมกายจึงเริ่มมาตรการ LOCKDOWN (อยู่ประจำเฉพาะอาคาร) ห้ามสมาชิกภายในเคลื่อนย้ายสถานที่พักค้างและรับบุญ ห้ามสมาชิกภายในออกนอกวัดโดยไม่มีความจำเป็น หากจำเป็นต้องออกจะพิจารณาเป็นกรณี และเมื่อกลับเข้ามาต้องปลีกวิเวก (กักตัว) 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และมีการปิดประตูวัดทุกประตูด้วย โดยเริ่มมาตรการดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. กำหนด 1 เดือน ถึงวันที่ 9 ก.ย. ขณะเดียวกันในช่วงที่วัดพระธรรมกายประกาศล็อกดาวน์นี้ ยังได้จัดโครงการ “ปลูก ขิง กระชาย ฟ้าทลายโจร พืชสมุนไพร สู้ภัยโควิด-19” โดยให้ทุกวัดในเครือข่ายของวัดพระธรรมกายและศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมประจำจังหวัด ปลูกสมุนไพร อาทิ ขิง กระชาย ฟ้าทลายโจร เป็นต้น เพื่อสุขภาพ ป้องกัน รักษา เยียวยา และฟื้นฟูร่างกาย ในช่วงสถานการณ์โควิด-19  ซึ่งนอกจากเพื่อสุขภาพแล้ว ยังเป็นกิจกรรมบุญที่ทำให้ใจได้อยู่ในบุญ และเป็นขวัญกำลังใจ สร้างบรรยากาศแห่งบุญกุศล ลดความเครียด คลายกังวล ด้วยการเริ่มทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ด้วยความสดชื่น แจ่มใส ของจิตใจ ตามหลักพระพุทธศาสนา คือ ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ได้อีกด้วย ทั้งนี้วัดและศูนย์ต่างๆ เริ่มทยอยปลูกฟ้าทะลายโจรแล้ว อาทิ ธุดงคสถานปราจีนบุรี, ศูนย์ปฏิบัติธรรมอรัญประเทศ, ศูนย์ปฏิบัติธรรมตาพระยา, ศูนย์ปฏิบัติธรรมระยอง, ศูนย์ปฏิบัติธรรมจันทบุรี, ศูนย์ปฏิบัติธรรมเขาคิชฌกูฏ, ธุดงคสถานชลบุรี, ศูนย์ปฏิบัติธรรมชลบุรี, ศูนย์ปฏิบัติธรรมพนมสารคาม, ศูนย์พุทธบุตรนานาชาติ และศูนย์วัดหนองไผ่ล้อม เป็นต้น

พระครูสมุห์สนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ทางวัดยังได้จัดทำชุด PPE สีส้ม ที่เหมาะสำหรับพระสงฆ์ในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์โรคโควิด-19 รวมทั้งในการทำพิธีฌาปนกิจศพโควิด เพื่อให้ประชาชนแยกออกว่าคนไหนคือพระ คนไหนคือฆราวาส โดยจัดทำลอตแรก 100 ชุด และมอบหมายพระมหานพพร ปุญญชโย เป็นตัวแทนคณะกรรมการสาธารณสงเคราะห์ วัดพระธรรมกาย นำชุด PPE สีส้มที่วัดพระธรรมกายจัดทำเป็นพิเศษสำหรับพระภิกษุไปถวายแด่ พระมหาพร้อมพงศ์ ปภสฺสรจิตฺโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ผู้ดำเนินโครงการ “พระไม่ทิ้งโยม” ซึ่งท่านลงพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อนของสาธุชนด้วยตนเอง เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป