สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ยังวิกฤติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากๆ “มองไกล เห็นใกล้” สัปดาห์นี้ ขอพาผู้อ่านไปตระหนักกับสถานการณ์โควิดในประเทศเมียนมากันหน่อย “ย้ำว่าอันตรายมาก” หากไม่มีใครช่วยเหลือทำอะไร ไทยจะได้รับผลกระทบอย่างมากในฐานะเพื่อนบ้านเรือนเคียง
คนเมียนมาติดโควิดเป็นจำนวนมาก และอัตราการเสียชีวิตก็สูง คำนวณไม่ได้ว่าตัวเลขจริง ๆ เท่าไหร่กันแน่ คาดว่าน่าจะติดเชื้อกันหลักพันถึงหลักหมื่น เมียนมานั้นเจอโควิดระบาดระลอก 3 แล้วก็เหมือนไทยคือรอบนี้เอาไม่อยู่ แต่ของเมียนมาสาหัสกว่าประเทศไทย จนคาดว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดของโลกเลย ถึงจุดนี้โรงพยาบาลรัฐปิดไป 6 เดือนแล้ว บุคลากรแพทย์บางส่วนผละจากงานเพื่อประท้วงรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจในวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา และเพราะกลุ่มการแพทย์เหล่านี้ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมามาก ๆ นั่นทำให้กองทัพจึงกวาดล้างจับกุมและเพิกเฉยการดูแลสุขภาพอย่างเลือดเย็นเพราะไม่ไว้ใจหมอด้วย
ขณะนี้ระบบสุขภาพของเมียนมาใกล้ล่มสลาย เตียงเต็ม หลายคนต้องกลับไปบ้านเพื่อ “เสียชีวิต” ที่สำคัญคือจุดพีคของการติดเชื้อโควิดยังไปไม่ถึง คาดว่าไม่กี่อาทิตย์จากนี้ ตัวเลขจะทะยานไปอย่างมหาศาล และเมื่อถึงจุดนั้นประมาณการว่าคนเมียนมาครึ่งหนึ่งจะติดเชื้อ นั่นหมายความว่าประชากรเกือบ 54 ล้านคน ไม่ต้องนับว่ายอดคนตายจะมหาศาลแค่ไหน ฟังแล้วน่ากลัวมากใช่ไหมครับ
ขณะที่ระบบการฉีดวัคซีนก็น้อยมาก หากไม่ได้อยู่ในกองทัพเมียนมา โรงพยาบาลรัฐหรู ๆ และแคมป์นักกีฬา โอกาสได้วัคซีนจะน้อยมาก นี่คือความเหลื่อมล้ำที่สุดกู่จริงๆ ถึงขนาดมีการร้องเรียนว่าถึงเวลาสหประชาชาติควรจะเข้าไปช่วยเหลือได้แล้ว เพราะหากมีคนติดเชื้อ และต้องการวัคซีน ต้องการถังออกซิเจน ซึ่งกองทัพเมียนมาไม่ให้ใช้ในคลินิกเอกชน เพื่อสกัดพวกหมอต้านรัฐบาล สถานการณ์จะยิ่งแย่ ส่งผลให้เกิดการอพยพ “ลอบหนี” เข้ามาในไทย
ในขณะที่ผู้ติดเชื้อไทยก็ยังสูง วัคซีนยังฉีดน้อย เราจะเจอการแพร่ระบาดจากเมียนมาซ้ำเติมไปอีก อย่าไปคิดเรื่องการสกัดคนเมียนมาเพราะยากมาก เรามีด่านธรรมชาติที่ข้ามแดนง่ายมาก จีน บังกลาเทศ อินเดีย ต่างคุมเข้มและมีการให้ความช่วยเหลือข้ามพรมแดนกันแล้ว โดยเฉพาะจีนที่ส่งความช่วยเหลือไปให้ชนกลุ่มน้อยติดชายแดนป้องกันคนทะลัก
ที่น่าตกใจคือชนกลุ่มน้อยที่หันกระบอกปืนรบเมียนมา กลับคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีกว่ารัฐบาลของนายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ขาดแคลนทรัพยากรหลายอย่าง ตอนนี้เมียนมาแก้ปัญหาโดยการเพิ่มเมรุเผาศพที่จะเผาได้วันละ 3 พันร่างต่อวัน หมอต่างชาติที่เข้าไปรักษายังยอมรับว่า ไม่เคยเห็นจำนวนคนตายมหาศาลขนาดนี้มาก่อน
ถ้ายังช้า…ไทยเราจะได้รับผลกระทบและโลกก็จะสะเทือนกับโควิด-19 งานนี้ชาติต้องช่วยชาติเพื่อโลกใบนี้ นี่คือสถานการณ์ต่างประเทศที่มองแล้วไม่ห่างจากสังคมไทยเท่าไหร่ ดูน่ากลัวมาก ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมองให้ไกล แล้วเปิดใจให้กว้าง เพื่อรับรู้เรื่องราวบนโลกใบนี้ แล้วพบกันใหม่เมื่อมีโอกาสครั้งหน้าครับผู้อ่านทุกท่าน ผม ณัฐกมล ไชยสุวรรณ ขอลาทุกท่านไปก่อน ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงได้ฉีดวัคซีนดี ๆ กันนะครับ สวัสดีครับ….
ณัฐกมล ไชยสุวรรณ