เมื่อวันที่ 10 ต.ค. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ที่ห้องประชุมใหญ่ คณะกรรมการโอลิมปิคฯ ถนนศรีอยุธยา โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ได้สอบถามถึงตัวแทนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก่อนจะพูดทีเล่นทีจริงว่า ฟุตบอลในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา นั้น จะต้องได้เหรียญทองเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนายกสมาคมฯ จะต้องรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งไป
จากนั้นที่ประชุมได้มีการหารือในเรื่องต่างๆ ทั้งการศูนย์ฝึกกีฬาว่ายน้ำแห่งใหม่ โดยจะเป็นการปรับปรุงศูนย์กีฬาทางน้ำ ในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก รวมถึงการที่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ขอให้ไทยจัดการแข่งขันกีฬาเบสบอล 5 คน เพิ่มในกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ 2021 ที่จะจัดขึ้นในปี 2023
ภายหลังจากการประชุม นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ เปิดเผยว่า ประเด็นที่ พล.อ.ประวิตร พูดกดดันสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในที่ประชุมนั้น เนื่องมาจากว่าซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา มีการเพิ่มอีเวนต์ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงกีฬาพื้นบ้าน อย่าง โววีนัม ที่จัดถึง 30 ทอง และยังมีเทควันโดเกาหลีเหนืออีก ซึ่งทำให้เป็นครั้งแรกที่กัมพูชา น่าจะได้เจ้าเหรียญทองไปครอง ขณะที่ไทย เมื่อไม่มีหวังในการเป็นเจ้าเหรียญทอง ดังนั้นในฐานะที่ฟุตบอล เป็นกีฬาไฮไลต์และเป็นกีฬาหลัก จึงจำเป็นจะต้องคว้าเหรียญทองมาครองให้ได้ และถ้าทำไม่ได้นายกสมาคมฯ ก็จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ให้นโยบายว่า การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬา จะต้องใช้งบประมาณในการจัดที่ประหยัด จะไม่มีการสร้างสนามใหม่เพื่อเป็นเจ้าภาพซีเกมส์โดยเด็ดขาด จะเน้นการปรับปรุงสนามที่มีอยู่ อย่างเช่นสนามกีฬานิมิบุตร หรือ สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ถ้าปรับปรุงก็พอจัดระดับซีเกมส์ได้ ส่วนต่างจังหวัดจะต้องเป็นจังหวัดที่พร้อม ไม่มีงบประมาณในการสร้างสนามใหม่ให้ ถ้าหลายจังหวัดรวมตัวกันจัด จะต้องไม่เกิน 3 จังหวัด เพราะถ้าจัดหลายจังหวัดจะมีค่าใช้จ่ายเยอะ งบประมาณบานปลายจนควบคุมไม่ได้ เหมือนอย่างที่เวียดนาม จัดมาแล้วกว่า 12 เมือง