การเห็นทีมรักบุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี ถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม ไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายสำหรับแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้แต่น้อย หรือ กระทั่งสกอร์ที่ออกมาขาดลอยถึง 3-6 ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด

            ปัจจุบันต้องยอมรับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงตามหลัง แมนฯ ซิตี อยู่หลายก้าว และสิ่งที่เราเพิ่งได้เห็นจากเกมดาร์บีแมตช์แห่งเมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ช่องว่างระหว่างทั้ง 2 ทีมมันกว้างใหญ่แค่ไหน

            เกมนี้ เอริค เทน ฮาก ยังคงเลือกใช้นักเตะ 11 คนแรกชุดเดียวกับที่คว้าชัยมา 3 เกมรวดก่อนเบรกทีมชาติรอบล่าสุด แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือวิธีเล่นของนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด

            เห็นได้ชัดเจนว่า นักเตะผีแดงหลายคนขาดความกระตือรือร้น และไม่ช่วยกันวิ่งไล่กดดันใส่คู่แข่ง ไม่ช่วยกันเล่นเกมรับ และไม่กล้าเล่น ไม่กล้าครองบอล เหมือนในเกมที่ชนะ ลิเวอร์พูล หรือ อาร์เซนอล แถมบางคนยังออกอาการตื่นสนาม โดยเฉพาะ ไตเรลล์ มาลาเซีย ที่ดูเต้นจนโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเหมือนเคย

            ยิ่งไปกว่านั้นหลายคนยังก่อความผิดพลาดง่าย ๆ และมักจะเสียบอลกลางทางในจังหวะขึ้นเกมรุก ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่การเสียประตูด้วย

            อย่างไรก็ตาม นอกจากการโชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่ของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว อีกหนึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากเกมนี้ก็คือเรื่องคุณภาพนักเตะของทั้ง 2 ทีมที่ห่างกันค่อนข้างมาก

            ไล่ตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ เอแดร์ซอน สามารถออกบอลด้วยเท้า ออกมาช่วยสกัดบอล และตัดลูกกลางอากาศได้ดีกว่า ดาบิด เด เคอา อย่างชัดเจน

  ขณะที่ฟูลแบ๊กทั้ง 2 ข้างของ ซิตี ทั้ง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ ชูเอา กานเซโล ก็ยังเหนือกว่า ดีโอโก ดาโลต์ และ มาลาเซีย ชนิดเทียบไม่ติดทั้งในการเล่นเกมรุก และเกมรับ

            ส่วนแดนกลางไม่ต้องพูดถึงเพราะทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และ แบร์นาโด ซิลวา จัดเป็นแผงมิดฟิลด์ระดับหัวแถวของยุโรป และของโลก ขณะที่แดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส, คริสเตียน อีริคเซน และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ดูจะดีแค่ชื่อ แต่ผลงานในสนามยังเทียบห้องเครื่องของเรือใบสีฟ้าไม่ได้เลย

            ขณะที่แดนหน้าต้องยอมรับว่า เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ทำแฮตทริกได้ในเกมนี้ คือหนึ่งในนักเตะหมายเลข 9 ที่ดีที่สุดในโลก ยิ่งมี แจ็ค กรีลิช กับ ฟิล โฟเดน ขนาบข้างก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนก.ย.ของพรีเมียร์ลีก แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เป็นนักเตะที่ถูกยกย่องจนเกินจริง และไม่สามารถพึ่งพาได้เหมือนเดิมในเกมสำคัญ ๆ อย่างนี้ ขณะที่ เจดอน ซาน จนป่านนี้ก็ยังเล่นได้ไม่คุ้มค่าตัว 73 ล้านปอนด์เลยด้วยซ้ำ

            จากความปราชัยอย่างย่อยยับในดาร์บีแมตช์หนนี้ เชื่อเหลือเกินว่า น่าจะทำให้เกิดการสับเปลี่ยนขุมกำลังในทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยคนที่น่าจะได้โอกาสสลับลงมาเป็นตัวจริงบ้างก็คือ คาเซมิโร และ ลุค ชอว์ ที่จะได้ขยับขึ้นมาแทน แม็คโทมิเนย์ และ มาลาเซีย ที่โชว์ฟอร์มออกทะเลในเกมนี้

            ส่วน อองโตนี มาร์กซิยาล กับ คริสเตียโน โรนัลโด ก็อยู่ในข่ายที่น่าจะสามารถเบียดทั้ง ซานโช และ แรชฟอร์ด ให้กลับไปนั่งเป็นตัวสำรองได้เช่นกันเมื่อถึงโปรแกรมพรีเมียร์ลีก นัดต่อไปที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ในวันจันทร์ที่ 10 ต.ค.

แท ยอน