เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่กล้าก้าวออกจากเซฟโซน สำหรับ เปรี้ยว-ทัศนียา การสมนุช นางเอกสาว ที่ขอท้าทายฝีมือในบทสุดแรงในชีวิต ใน “บ่วงวิมาลา” ค่าย “นีโน่ บราเดอร์ส” โดย 2 ผู้จัด  นีโน่-เมทนี บุรณศิริ และ หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ ทางช่อง 7 HD ที่งานนี้เปรี้ยวต้องโชว์ฝีมือในคาแรกเตอร์สุดซับซ้อน สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มากกว่าสวมบทนางร้ายธรรมดา ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” จึงมาพลาดพาแฟน ๆ ไปพูดคุยกับสาวเปรี้ยวถึงบทบาทครั้งนี้ รวมไปถึงกะเทาะเปลือกชีวิต หลังโลดแล่นในวงการมานานกว่า 11 ปี ซึ่งทุกดราม่าและคำบูลลี่ ทำให้เปรี้ยวกลับมารักตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ยังไม่พลาดอัพเดทหัวใจ ที่ตอนนี้เปรี้ยวออกตัวว่ายังโสด แต่บอกเลยว่าคนเจ้าชู้หมดสิทธิครองใจสาวสวยคนนี้แน่นอน!

ความน่าสนใจของบท “อรปรียา” ที่ทำให้ “เปรี้ยว” อยากเล่นเรื่องนี้?

“จริง ๆ แล้วเป็นเพราะพี่หนิง (ปณิตา ธรรมวัฒนะ) และพี่ต่อ (ศุภฌา ครุฑนาค) ผู้กำกับ มาบอกว่ามีละครเรื่องนี้ พี่หนิงบอกว่าอยากให้เปรี้ยวเล่นมาก เราถามว่ามันเหมาะกับหนูเหรอ พี่เขาก็บอกว่ารู้สึกว่าเราน่าจะทำได้และทำออกมาได้ดีด้วย เพราะพี่มองเห็นอะไรในตัวเปรี้ยวที่จะเป็น ‘อรปรียา’ ได้ค่ะ เราก็เชื่อ และอีกอย่างที่อยากเล่นก็เพราะว่าพี่เขาพูดว่า เปรี้ยวเป็นอรปรียา ที่ไม่ใช่เหมือนกับนางร้ายทั่วไปนะ เหมือนเขาอยากให้เราถ่ายทอดอรปรียา ออกมาในแบบที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ทุกคนมีทั้งด้านดีและไม่ดี เขาอยากให้ถ่ายทอดอรปรียาออกมาในรูปแบบของคนเราที่รัก โลภ โกรธ หลง อยู่แล้ว เลยอยากให้ถ่ายทอดอรปรียาในรูปแบบของมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีทุกความรู้สึกอยู่แล้ว แต่แค่มันจะเผยออกมาได้มากแค่ไหนค่ะ”

การแสดงครั้งนี้ ถือเป็นร้ายอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกมั้ย?

“จริง ๆ หนูเคยเล่นร้ายมาสองเรื่องแล้ว แต่เรื่องนี้มันไม่เหมือนตัวร้ายเรื่องอื่นที่เคยเล่น เรื่องนี้มันมีความรู้สึก มีทั้งด้านเศร้า ด้านที่น่าสงสาร คือ ‘อรปรียา’ มีความน่าสงสารในตัวด้วย เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้เหมือนนางร้าย แต่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้สึกเหมือนทุกคน แต่แค่เราจะถ่ายทอดมันออกมาในรูปแบบไหน แค่นั้นเอง”

บทค่อนข้างซับซ้อน ความยากและท้าทายของการแสดงครั้งนี้ อยู่ที่ตรงไหนสำหรับเรา?

“มันยากและท้าทายในเรื่องของอารมณ์ อารมณ์ของ ‘อรปรียา’ จะเป็นคนอารมณ์สวิง ถ้าเราอยากได้อะไร ก็ต้องเอามันมาให้ได้ และจะไม่ยอมอยู่ใต้ใครเลย อยากได้ทุกอย่างที่เป็นของเรา แม้แต่อะไรที่เคยเป็นของเรา เช่น คุณกันย์ รับบทโดย พี่มิกค์ ทองระย้า เคยเป็นสามีเรา ต่อให้เราเลิกไปแล้วแต่ว่าใจของเราก็ยังรักเขาอยู่ และเราไม่ได้อยากได้แค่ตัวเขา แต่อยากได้ใจของเขาด้วย รวมถึงสมบัติเขาด้วย (หัวเราะ) ”

บทดูเครียดมาก มีติดความเครียดกลับบ้าน เอาตัวละครไม่ออกบ้างมั้ย?

“หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้หนูอินมาก ๆ เลย เวลาถ่ายละครก็รู้สึกอินหนักและบางวันที่กลับบ้านไป ก็รู้สึกนอยด์บ้าง เพราะว่าเป็นซีนอารมณ์ตลอดเวลาเลยที่หนูเล่น ไม่มีซีนเบา ๆ เลย บางทีก็มีบ้างที่กลับบ้านไปก็ลอย ๆ ตัวละครนี้ทำให้เราอินและเห็นใจ หนูเล่นไป ซีนอารมณ์ก็ไม่ค่อยมีคัต แล้วต้องเล่นใหม่ เพราะทุกคนก็ดูอินเหมือนกันทั้งพี่มิกค์ และปูเป้ (เกศรินทร์ น้อยผึ้ง) มันไม่มีใครที่ต้องคัต และเล่นใหม่เลย พี่ต่อปล่อยไหลไปเลยตามอารมณ์ของนักแสดง”

การได้ร่วมงานกับ “ปูเป้” และ “มิกค์” เป็นยังไงบ้าง?

“รู้สึกดีใจนะคะ และสนุกมากที่ได้ร่วมงานกัน เพราะทั้งสองคนเป็นมืออาชีพมาก ๆ และหนูก็รู้สึกว่าเวลาเราได้ทำงานกับนักแสดงที่เป็นวัยรุ่นด้วยกัน เราเล่นด้วยกันเยอะ เลยรู้สึกสนุก และเราก็ได้เรียนรู้จากพี่มิกค์และเป้มาเหมือนกัน มันทำให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและสนิทกันมากขึ้น ทำให้ถึงแม้ในละครเราจะเครียดมาก แต่เบื้องหลังเรามีความสนุกสนานและสนิทสนมกันมาก”

เห็นมีข่าวจิ้นกับ “มิกค์” ตั้งแต่ที่ละครยังไม่ทันออนแอร์ รู้สึกยังไงบ้างกับกระแสเหล่านี้?

“รู้สึกดีใจนะคะที่มีคนชื่นชอบหนูกับพี่มิกค์ บางทีหนูก็คิดนะว่าในละครเราไม่ได้รักกันเลย เรารักเขาฝ่ายเดียว (หัวเราะ) แต่ภาพที่ออกมา ทั้งภาพเบื้องหลัง ด้วยความที่พี่มิกค์เป็นคนขี้เล่น ขี้แกล้ง และเป็นคนใจดี”

ตอนนั้นหลังจากที่มีข่าว ทำให้เกรงใจการทำงานด้วยกันมั้ย หรือว่ามีการคุยเรื่องข่าวนี้กันบ้างหรือเปล่า?

“ไม่มีการคุยเรื่องข่าวอะไรเลยนะคะ คือแบบเหมือนเห็นแล้วก็รู้สึก เออ น่ารักดี แต่ไม่มีมาคุยอะไรกัน”

 มีอะไรที่ประทับใจเกี่ยวกับ “ปูเป้” และ “มิกค์” เล่าให้ฟังบ้าง?

“สำหรับพี่มิกค์ หนูรู้สึกว่าเวลาที่แล่นซีนอารมณ์ด้วยกัน เขารู้ว่าบทของหนูมันหนัก และบทของเขาก็หนักมากเหมือนกัน เราสองคนเป็นสามีภรรยาที่มีลูกด้วยกันมาก่อน มันเลยต้องสื่ออารมณ์กันหนักมาก และหนูต้องขอบคุณพี่มิกค์จริง ๆ เพราะบทของเราก็ยากพอแล้ว ถ้าเราเล่นคนเดียว เราคงยากกว่าเดิม แต่พอได้รับการส่งอารมณ์ของเขามา มันเลยทำให้เราอินที่เราจะเป็น ‘อรปรียา’ จริง ๆ เป็นภรรยาเก่าของเขาจริง ๆ ค่ะ ส่วนปูเป้ มาแรก ๆ น้องจะเกร็ง ไม่ค่อยกล้าเผย น้องเป็นคนที่เล่นเก่งอยู่แล้ว แต่แค่อาจมีกำแพงเบา ๆ ค่ะ แต่พอเราละลายพฤติกรรมกันไป น้องก็พัฒนาไปได้ดีขึ้นมาก ๆ เลย ยิ่งซีนร้องไห้ ซีนอารมณ์ยิ่งเก่งมาก ประทับใจ”

การทำงานกับ ผู้จัดตัวพ่อตัวแม่ของวงการ อย่าง นีโน่-เมทนี บุรณศิริ และ หนิง-ปณิตา เป็นยังไง ได้เรียนรู้การทำงานอะไรจากรุ่นพี่ทั้งสองคนนี้บ้าง?

“จริง ๆ หนูเคยเล่นละครของค่ายพี่โน่และพี่หนิงมาแล้วเรื่องหนึ่ง คือ ‘ระบำมาร’ เลยพอจะรู้ว่าระบบการทำงานของเขาเป็นยังไง และเราก็รู้อยู่แล้วว่าพี่หนิงเป็นคนที่เต็มที่มาก ๆ ในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม บทละคร การสมเหตุสมผล พี่หนิงดูไปถึงภาพองค์รวมสวยมั้ย ดูแม้กระทั่งเวลาที่นักแสดงเข้าฉากหลาย ๆ คน เสื้อผ้าแมทช์กันมั้ย มีใครโดดหรือเปล่า เป๊ะมาก ทำให้หนูรู้สึกว่าเขาทุ่มเทขนาดนี้ พวกเรานักแสดงก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดค่ะ”

“เปรี้ยว” ได้อะไรจากการสวมบท “อรปรียา” ทั้งในแง่การแสดงและมุมมองความคิด?

“หนูรู้สึกว่า ‘อรปรียา’ ให้ข้อคิดอะไรหลายอย่างมาก ๆ แค่รู้สึกว่าคนเราต้องปล่อยวาง อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็คือไม่ใช่ของเรา เราอย่าไปอยากได้อะไรที่มันแบบเกินตัวหรือไกลตัวเรา เราทำมันได้ด้วยตัวเอง มีคุณค่าในตัวเองมากกว่าที่จะแบบพยายามไปแย่งชิง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ สมบัติหรือแม้แต่หัวใจคนก็ตามค่ะ ส่วนในด้านการแสดง หนูรู้สึกว่าบทนี้หนูได้พัฒนาอะไรหลาย ๆ อย่าง สกิลในการเล่น ทริคต่าง ๆ ก็ได้จากพี่ต่อและพี่หนิงเยอะมาก เช่น ในเรื่องสายตา เราคิดมาว่าจะเล่นแบบนี้ แต่คนที่ดูหน้ามอนิเตอร์จะเห็นชัดกว่าเรา เพราะเราไม่รู้ว่าเราเล่นอะไรออกไป บางทีเราเล่นจากจินตนาการ ความรู้สึกของเรา แต่พอพี่ต่อดูหน้ามอนิเตอร์ เขาจะบอก ‘เปรี้ยว พี่ว่าแบบนี้โอเคกว่านะ ลองดูแล้วมาดูหน้ามอนิเตอร์’ มันคือการทำงานร่วมกันหมดเลยค่ะ และพอดูไปดูที่หน้ามอนิเตอร์ ก็รู้สึกว่าจริง ๆ ด้วย มันดีกว่าจริง ๆ ในเรื่องระดับสายตา กล้องถ่ายมาแบบนี้ เราต้องมองต่ำลงมาแบบนี้ เพื่อให้กล้องถ่ายตามเรามา อย่างเวลาเรานึกแผนการอะไร มันทำให้สายตาเราดูมีอะไรมากกว่ามองตรง เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสามารถเอาไปใช้กับละครเรื่องอื่นได้”

มีซีนไหนที่ประทับใจ อยู่ในความทรงจำ หรือซีนที่ยาก สำหรับเราบ้างมั้ย?

“มีค่ะ แต่ไม่อยากสปอยล์ (ยิ้ม) บอกกว้าง ๆ คือน่าจะเป็นซีนอารมณ์ที่แบบเราเล่นกัน 3 คน มีพี่มิกค์ เป้ และหนู และเป็นฉากที่หนูรู้สึกว่ามันโหดร้ายสำหรับหนูมาก ดูแล้วแบบมันเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องแบบยาว และเราเหมือนเสียสติ ทั้งร้องไห้และหัวเราะ รู้สึกว่าซีนนั้นเป็นซีนที่ยากมาก ๆ แต่ว่าเราผ่านมันมาได้ และทุกคนก็บอกว่ามันผ่านไปได้ด้วยดีด้วย (ยิ้ม) เลยรู้สึกดีใจที่เราทำมันได้ จริง ๆ ฉากพีคของหนูมีเยอะมาก แต่ถ้าฉากที่หนูรู้สึกว่ามันสุด ๆ แล้วตั้งแต่ที่เล่นมาก็คือฉากที่บอกไปค่ะ”

อยากให้แฟน ๆ ได้สาร (Message) อะไรจากเรื่องนี้?

“สิ่งที่อยากให้คนดูได้ ก็คือในเรื่องของแง่คิด หนูเชื่อว่าถ้าคนเรา อย่างดูตัวละครของหนู ก็จะต้องรู้แล้วว่าเราไม่ควรอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเรา อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ก็แค่ปล่อยมันไป และเราก็ทำอะไรใหม่ ๆ ที่มันดีกับตัวเองดีกว่า ดีกว่าพยายามเกินเรื่อง หรือทำอะไรผิด ๆ ค่ะ”

อัพเดทผลงานอื่น ๆ หน่อย?

“น่าจะมีละครให้ติดตามค่ะ ก็รอดูว่าเป็นเรื่องอะไร”

อยู่วงการมา 11 ปีแล้ว คิดว่าตัวเองเติบโตด้านไหนมากที่สุด ด้านที่เราคิดว่าต่างจากตัวเองในวันแรก?

“ในเรื่องของการพูดแล้วกัน (ยิ้ม) หนูพูดเก่งขึ้นมาก (ลากเสียงยาว) ขนาดพูดเก่งขึ้น ยังมีคนบอกว่าหนูดูดุ ดูหยิ่งอยู่เลย เมื่อก่อนหนูแทบไม่พูดอะไรเลย ไม่อยากพูดและเป็นตัวของตัวเองหนัก และเราก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เราจะพูดอะไร กับใครอ่ะ เราจะคุยกับคนอื่นก่อนยังไงอ่ะ ตอนนี้เหมือนเราได้เจอคนเยอะ ได้เจอสังคม ได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ เราก็เลยรีแลกซ์ตัวเองมากขึ้นและเป็นเราในรูปแบบที่ดีขึ้นค่ะ”

เคยเห็น “เปรี้ยว” ทั้งในบทที่ร้ายและ บทนางเอก ดราม่า น่าสงสารแล้ว ณ วันนี้มีวิธีเลือกรับบทยังไง?

“เมื่อก่อนหนูไม่เคยเลือก ค่ายให้เล่นอะไรก็เล่น เล่นได้หมด แต่พอเราเริ่มทำงานมาเรื่อย ๆ เราก็เริ่มดูผลงานของตัวเอง และเริ่มรู้สึกว่าเราเล่นอันนี้เยอะเกินไปแล้วนะ เราอยากลองเปลี่ยนแนวให้คนดูได้เห็นเราในอีกมิตินึงบ้างค่ะ หนูจะดูประมาณนี้มากกว่า เราเล่นแบบนี้มาแล้ว อยากเล่นแบบนี้บ้าง”

มีมุมมองต่อการแข่งขันในวงการยังไง ในยุคที่มีทั้งนักแสดงหน้าใหม่ ยูทูบเบอร์ ทุกคนมีแสง มีพื้นที่ของตัวเองมากขึ้น?

“จริง ๆ ตั้งแต่ที่หนูเข้าวงการมาหนูรู้สึกอยู่แล้วว่ามันเป็นการแข่งขันที่สูงและคนก็เข้ามาในวงการบันเทิงทุกวัน มีเด็กใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับตัวหนูก็แค่รู้สึกว่า ต่อให้เราอายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่หนูตรงนี้ คือหนูเหมือนโต แต่จริง ๆ หัวใจของหนูเด็กมาก (ยิ้ม) อยากอายุยี่สิบตลอดเวลา เราก็มีมุมโตในตอนที่เราทำงาน เราสามารถดูแลตัวเองได้ รับผิดชอบหน้าที่ในการทำงานได้ แต่ในเรื่องอื่น ๆ หนูจะแฮปปี้ มีความสุขในแบบเด็ก ๆ ค่ะ”

วิธีรับมือดราม่าหรือมีใครมาวิจารณ์เรา ในแบบของ “เปรี้ยว” ณ วันนี้เป็นยังไง?

“เมื่อก่อนรับมือดราม่าไม่ค่อยได้ รู้สึกว่าเห็นแล้วจะร้องไห้ เจ็บอ่ะ แต่พอเราผ่านมันมาได้พักนึง พักนึงเลยนะคะ รู้สึกว่ามันต้องปลง และรู้ว่า ‘ช่างมัน’ พูดว่าช่างมัน ๆ แล้วมันจะดีขึ้น จะรู้สึกว่าเราเห็นไม่จำเป็น ต้องเป็นในรูปแบบที่คนอื่นชอบขนาดนั้นเลย ทำไมเราไม่แคร์หัวใจตัวเอง ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกตัวเองบ้าง ว่าเรารู้สึกยังไง เราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราไม่เห็นต้องถามคนอื่นเลยว่า ‘ทำแบบนี้ชอบมั้ย’ และเราล่ะ ชอบหรือเปล่า เรายังไม่ได้ถามตัวเองเลย หนูรู้สึกว่าเราต้องรักตัวเอง เราต้องแคร์ความรู้สึกตัวเองให้มาก ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกใจคนอื่น ก็ไม่เป็นไร แต่เรารู้ตัวเองก็พอว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า”

อยากประสบความสำเร็จในวงการยังไง?

“ความสำเร็จของหนู จริง ๆ หนูก็อธิบายไม่ค่อยเป็น (ยิ้ม) ไม่รู้ว่าความสำเร็จมันต้องเป็นแบบไหน แต่แค่ในความรู้สึกหนูนะ ถ้าหนูรู้สึกใจฟู ดีใจมาก ๆ เวลาเราไปไหนแล้วคนเรียกชื่อเรา รู้จักเรา หรือเรียกชื่อตัวละครนั้น ที่เราเล่นได้ และพอเจอเราแล้วบอกว่า ‘ดูด้วยนะ ละครเป็นแบบนี้ ๆ’ หนูจะรู้สึกดีใจมาก ๆ เพราะว่าเขาติดตามเราจริง ๆ และเขาชื่นชอบในการแสดงของเราจริง ๆ หนูรู้สึกว่าเราพยายามเล่นมันจริง ๆ แล้วคนดูหรือคนที่เจอเรา เขาจำเป็นฉาก ๆ ได้เลย บอก ‘เปรี้ยวเล่นแบบนี้ดีมากเลยอ่ะ’ เรารู้สึกว่าใจมันฟูมาก รู้สึกประสบความสำเร็จ”

มีทักษะอะไรในชีวิต หรือสิ่งที่อยากพัฒนาให้ดีขึ้นอีกบ้างมั้ย?

“น่าจะเป็นในเรื่องของพูดคุยกับคนอื่น (หัวเราะ) เพราะหนูเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งค่ะ แต่ถ้าสนิทหนูจะคุยเล่นด้วย แต่เราก็จะพยายามเฟลนด์ลี่มากขึ้น เปิดตัวเองมากขึ้นในการที่จะกล้าไปพูดกับคนอื่นก่อน”

อะไรคือสิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต?

“ถ้าภูมิใจที่สุดในชีวิตก็คือ หนูไม่เคยขอเงินจากที่บ้านเลยตั้งแต่เด็ก มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเข้มแข็ง และเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ไม่ว่าเราจะทำอะไร คือที่บ้านก็ไม่เคยบอกว่าไม่ได้ เปรี้ยวอย่าซื้อนะ อย่านั่นอย่านี่ เพราะเขารู้ เราทำ เราหามาด้วยตัวเอง”

อัพเดทเรื่องหัวใจ ตอนนี้เป็นสีอะไร?

“สีใสแล้วกัน (หัวเราะ) เป็นหัวใจใส ๆ ทะลุปรุโปร่ง คือยังไม่มี ก็เปิดใจนะคะ ถามว่ามีแฟนมั้ยคือไม่มี แต่ก็มีคนเข้ามา”

แบบนี้เราสกรีนคนที่เข้ามาอยู่ข้าง ๆ เรายังไง และต้องเป็นคนแบบไหน?

“ก็สกรีนเยอะเหมือนกันนะคะ แต่เราไม่ได้แบบเลือกมากขนาดนั้นหรอก แค่หนูไม่ชอบคนเจ้าชู้ เพราะว่าเหนื่อยที่จะตาม และเราไม่ใช่คนจิกกัด หรือถามไปไหน คุยกับใคร คือเราไม่ใช่คนแบบนั้น และไม่ชอบที่จะเป็นแบบนั้นด้วย เรารู้สึกว่าอยากอยู่กับใครที่คุยด้วยแล้วสบายใจ เราไม่ต้องไปนึกถึงเรื่ออย่างอื่นเลยว่าเขาจะนอกใจมั้ย หรือว่าเขาจะคุยกับคนอื่นหรือเปล่า แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น แค่มีความสุขอยู่ด้วยกันค่ะ ทำงานก็เหนื่อยแล้ว เราก็แค่อยากเลิกงานมาเจอกัน แฮปปี้แบบนี้ดีกว่า”

คนที่จะเอาชนะใจได้ ต้องเข้าหา จีบเราก่อน หรือเป็นแบบเราสนใจคนนี้ เดี๋ยวไปจีบเอง?

“หนูรู้สึกว่าหนูชอบเขา หนูคงจะมองหน้าเขาด้วย แต่ถ้าคนที่เข้ามาหาเรา แล้วหนูรู้สึกว่าไม่ใช่อ่ะ สมมุติหนูไปเที่ยวกับเพื่อนและมีผู้ชายเข้ามาขอไลน์ หนูชอบติดปากว่า ‘ขอโทษนะคะ มีแฟนแล้วค่ะ’ (หัวเราะ) อะไรแบบนี้ คือแบบปิดไปเลย จบ มันขี้เกียจพูด ขี้เกียจอธิบาย ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็จะบอกว่า ‘อ๋อ มีแฟนแล้วค่ะ!’ แต่จริง ๆ ไม่มี (ยิ้ม)”

แปลว่าคนที่เข้ามาได้ ก็ต้องเลือกแล้วเลือกอีก ไม่อยากเสียเวลาเรื่องความรัก?

“ใช่ค่ะ หนูไม่ชอบเสียเวลาเรื่องความรัก ถ้าอะไรที่มันไม่ใช่ ไม่ดีกับหัวใจเรา ไม่ดีกับความรู้สึกของเรา ก็จะบอกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า”

เพื่อน ๆ มีหาให้บ้างมั้ย?

“ก็มีบ้าง เพื่อน ๆ จะบอกว่า เฮ้ย! คนนี้โอเคนะ ลองคุยมั้ย แต่สุดท้ายก็อยู่ที่เรา หนูเป็นคนฟังคนอื่นนะ แต่ลึก ๆ คนรอบตัวหนูจะรู้ว่าหนูฟัง แต่การตัดสินใจของหนูมันชอบตามใจตัวเอง แล้วแต่อารมณ์ของตัวเอง”

ไม่ได้มีลิมิตเรื่องแฟนใช่มั้ย แบบกำหนดว่าอายุเท่าไหร่ต้องมีคนรักได้แล้ว เพราะบางคนก็จะมีแพลนว่าอยากแต่งงานที่อายุเท่าไหร่?

“หนูไม่มีแพลนเลยอ่ะ หนูแค่รู้สึกว่าไม่เป็นไร มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี”

มุมมอง “ความรัก” ของ “เปรี้ยว” ณ ช่วงวัยนี้ เป็นยังไง?

“สำหรับหนู แค่รู้สึกว่ามันต้องการความเข้าใจ เพราะเราทำงานตรงนี้ เราก็อาจต้องเจอกับหลาย ๆ คน บางคนอาจไม่เข้าใจว่านี่คือการแสดงนะ และเราต้องคอยอธิบายให้เขาเข้าใจถึงกรทำงานของเรา หรือว่าเราถ่ายละครตอนหกโมงเช้า เลิกกองสี่ทุ่ม มันก็ไม่มีเวลาแล้ว เพราะฉะนั้นความเข้าใจมันเลยสำคัญมาก ๆ ค่ะ”

พูดถึงอีกหนึ่งความรักคือแฟนคลับ ณ วันนี้มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

“หนูรู้สึกว่าเขาอดทนกับหนูมาก ๆ อดทนกับความเป็นตัวตนของเรา อย่างที่บอกหนูเป็นคนไม่ค่อยพูด ถ้าพูดก็พูดตรงมาก หรือหนูร้อนหรือหงุดหงิด หน้าหนูก็จะออก แต่แฟนคลับก็เข้าใจในความเป็นเรา แรก ๆ เขาก็อาจจะน้องไม่อยากคุยด้วยหรือเปล่า แต่เปล่าเลย แค่เราพูดไม่เก่ง เขาก็เข้าใจและชอบในความเป็นเรา และคอยซัพพอร์ทผลงานของเรามาตลอดค่ะ เลยอยากขอบคุณมาก ๆ ทั้งแฟนคลับที่เพิ่งจะมาติดตาม และคนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เริ่มที่เราเข้าวงการ ไม่ว่าจะแฟนคลับที่อยู่นานแค่ไหนหรือว่าเพิ่งเข้ามา หนูแค่อยากขอบคุณมาก ๆ ที่เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน และอยากให้อยู่กันไปนาน ๆ อยากให้ซัพพอร์ตกันไปเรื่อย ๆ ค่ะ”

เวลาเหนื่อยหรือท้อ มีคำพูดอะไรจากแฟนคลับ ที่เป็นกำลังใจเราที่สุดบ้างมั้ย?

“หนุรู้สึกใจฟูกับคำพูดที่เขาบอกว่า ไม่เป็นไรนะ เหนื่อยก็ไม่เป็นไร พวกเขาอยู่ตรงนี้ ยังไงเขาจะคอยซัพพอร์ตเรา มันเป็นคำพูดธรรมดา แต่มันพิเศษมาก ๆ อย่างน้อยทำให้เรารู้ว่า การที่เราทำงานงก ๆ ยังมีคนที่รอคอยผลงานของเราอยู่ค่ะ”

ฝากถึงแฟน ๆ หน่อย?

“อยากขอบคุณแฟนคลับของเปรี้ยวทุกคน ทุกบ้านเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านไทย บ้านจีน บ้านเวียดนาม หรือว่าอีกหลายบ้านที่ไม่ได้เอ่ยถึง อยากขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ทำให้เปรี้ยวมีกำลังใจในการทำงานในทุกวัน และอยากขอให้ทุกคนคอยซัพพอร์ทและเป็นกำลังใจให้เปรี้ยวตลอดไปนะคะ”

ทั้งหมดคือ “เปรี้ยว ทัศนียา” ในเวอร์ชั่น 2022 ที่อยากบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า เธอกล้าออกเซฟโซนมากขึ้น พัฒนามากขึ้น และกลับมารักตัวเอง เป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น!

เรื่อง : วันวิสาข์ ดอกเงิน