น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ได้รับทราบความคืบหน้าการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยจากข้อมูลการจดทะเบียนในเดือนมิ.ย. 64 พบว่า มีวิสาหกิจที่จดทะเบียนและดำเนินการอยู่ 9.6 หมื่นแห่ง คิดเป็นจำนวนสมาชิกรวม 1.68 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มี 9.3 หมื่นแห่ง โดยในจำนวนนี้ พบว่า มีวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้ว 2,900 แห่ง

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพิ่มขึ้นมาก คือ การเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ที่ส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มช่องทางการตลาดแก่เกษตรกร เป็นโครงการภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้วิสาหกิจชุมชนสามารถปลูกพืชเสพติดเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ เช่น กัญชา ภายใต้การกำกับของหน่วยงานรัฐตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ทำให้วิสาหกิจชุมชนต้องการเพิ่มกิจกรรมการปลูกพืชเสพติด รวมถึงคนทั่วไปต้องการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกพืชดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือกัน และมีข้อกังวลว่า อาจมีคนบางกลุ่มเข้าจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนแต่ดำเนินการข้ามพื้นที่ เป็นในลักษณะที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้วิสาหกิจชุมชน เป็นของประชาชนในพื้นที่ ใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความแข็งแรง เป็นชุมชนพึ่งตนเองอย่างยั่งยืนดังนั้น เพื่อให้การดำเนินของวิสาหกิจชุมชนเป็นไปเพื่อชุมชนนั้นๆอย่างแท้จริง คณะกรรมการฯจึง มีมติให้ทบทวนประกาศคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เรื่องคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และการต่อทะเบียนของวิสาหกิจชุมชน ให้มีความชัดเจนมากขึ้น