นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 64 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) 2,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี และกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพาจู และโรงไฟฟ้าซานบัวนาเวนทูรา ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก (ม.ค.–มิ.ย.) ของปี 64 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 4,846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้เมื่อพิจารณากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,510 ล้านบาท ลดลง 3,565 ล้านบาท คิดเป็น 70%  เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวน 2,095 ล้านบาท ลดลง 2,567 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกระทบทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการแปลงมูลค่าหนี้สินระยะยาวเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินบาทจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท

“ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 64 การดำเนินธุรกิจนับว่ามีความท้าทายมาก ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีดิสรัปชัน แต่บริษัทก็สามารถขยายการลงทุนใหม่ได้สำเร็จ โดยสามารถไปปักธงในสหรัฐอเมริกา ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าลินเดน โคเจน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งได้ปิดดีล เมื่อเดือนมิ.ย. 64 ในขณะเดียวกัน ยังสามารถขยายการลงทุนสู่ธุรกิจเชื้อเพลิง โดยได้รับมติเห็นชอบการออกใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ 200,380 ตันต่อปี จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และยังสามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริหารโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้ดำเนินไปได้ตามแผนงาน”

สำหรับทิศทางการลงทุนครึ่งปีหลังของปี 64 เอ็กโก กรุ๊ป กำลังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและระบบสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง และการนำเข้าแอลเอ็นจีตามที่ได้รับใบอนุญาตจาก กกพ. รวมทั้งธุรกิจ Smart Energy Solution เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักด้วยนวัตกรรมใหม่และเทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคต ได้แก่ การลงทุนในบริษัท อินโนพาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม กฟผ. เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับนวัตกรรมไฟฟ้าและธุรกิจ New S-Curve โดยเอ็กโก กรุ๊ป จะเน้นการต่อยอดทางธุรกิจของเทคโนโลยีด้านไมโครกริด ด้านระบบกักเก็บพลังงาน และด้านยานยนต์ไฟฟ้า