ปกติจะ “ไม่รู้” เรื่องอะไรเวลาตอบคำถามสื่อมวลชน แต่พอเจอโควิด-19 ระบาดหนักรอบใหม่ที่ จ.สมุทรสาคร เพราะแรงงานเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองนำเชื้อโรคมาแพร่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รีบตอบว่าได้สั่งเพิ่มกำลังทหารดูแลชายแดนมากขึ้น ส่วนกรณีมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงิน เบื้องต้นยังไม่พบผู้กระทำผิด 

รุ่งขึ้นอีกวัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานว่ามีตำรวจ อาสาสมัคร นายจ้าง นายหน้า เกี่ยวข้องกับขบวนการแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมาย 

นายวิษณุไม่พูดถึง “ทหาร” ทั้งที่ภารกิจหลักของกองทัพคือป้องกันการรุกรานจากอริราชศัตรู ทหารต้องทำหน้าที่ “รั้ว” ของชาติอย่างเข้มแข็ง ต้องเข้มงวดกวดขันกับต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด

โดยปกติอำเภอที่อยู่ติดชายแดน ทหารเป็นผู้ดูแลเรื่องความมั่นคงทั้งหมด แม้แต่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ก็ต้องฟังคำสั่งทางยุทธการจากทหาร ไม่ต้องพูดถึงหลังรัฐประหารปี 57 เรื่อยมาทหารมีอำนาจมาก เอาว่าแค่ระดับ ผบ.กองพัน ยศ “พันโท” แต่ผู้กำกับโรงพักยศ “พันตำรวจเอก” ไปถึงนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ยังเกรงใจ “พันโท” ก็แล้วกัน

คนที่ติดตามข่าวสารจะทราบว่าปัญหาโควิดในไทยเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา แต่ในประเทศเมียนมา โควิด-19 เริ่มระบาดช่วงเดือนก.ย.63 พอกลางเดือนก.ย.มีคนติดโควิดวันเดียวกว่า 600 คน จนกลางเดือนต.ค.โควิดระบาดไปทุกรัฐ ถึงต้นเดือนธ.ค. ยอดผู้ติดเชื้อสูงกว่า 1 แสนคน เสียชีวิตกว่า 2,100 คน

วกมาที่ จ.สมุทรสาคร ไม่ได้เป็นจังหวัดติดชายแดน และอยู่ห่างจากชายแดนทางด้าน จ.ราชบุรี และกาญจนบุรี กว่า 100 กม. ช่วงที่โควิดเริ่มระบาดประมาณต้นเดือน มี.ค. 63 มีแรงงานเมียนมาส่วนหนึ่งเดินทางกลับบ้าน แต่ส่วนหนึ่งไม่กลับ เนื่องจากประเมินว่าถ้าออกไปแล้ว จะกลับเข้าไทยยากมาก และต้องเสียค่าใช้จ่าย (ค่าหัว) แพง

เมื่อโควิดระบาดหนักในเมียนมา คนติดเชื้อจำนวนมาก ระบบสาธารณสุขไม่ดี คนไม่มีงานทำ จึงต้องหนีตายมาไทยในสภาพหลบหนีเข้าเมือง ด้วยค่าหัวพุ่งถึง 10,000 บาท เพื่อมาทำงานตามโรงงาน แพปลา และแพกุ้ง ในสมุทรสาคร 

พื้นที่ชายแดนราชบุรี-กาญจนบุรี อยู่ในความรับผิดชอบทางยุทธการและความมั่นคงของกองกำลังสุรสีห์ (กองพล 9) แล้วด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตามชายแดนและถนนสายหลัก ส่วนใหญ่เป็น “ด่านร่วม” ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง

การแอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ (ป่าเขา) แต่ต้องมาขึ้นรถวิ่งบนถนน 100 กว่า กม. กว่าจะถึงสมุทรสาคร ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้เห็นเป็นใจ เพราะกลิ่นค่าหัว 10,000 บาท มันโชย! ต่างด้าวผิดกฎหมายจะทะลักเข้าไปถึงสมุทรสาครได้หรือ? 

ช่วงกลางเดือน ต.ค. 63 โควิดระบาดหนักทั่วเมียนมา แต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลส่งทหารกองพล 9 จำนวน 100 นาย มาป้องกันอาคารรัฐสภา ขน ตชด.หลายกองร้อยมาเฝ้าม็อบ “ราษฎร 63” มันใช่เรื่องของทหาร-ตชด. หรือเปล่า?    

สรุป พล.อ.ประยุทธ์นำทหารมายุ่งกับกิจการภายในที่ไม่ใช่ภารกิจหน้าที่ จนชายแดนหละหลวม ทำให้ต่างด้าวผิดกฎหมายทะลักเข้ามา และยาเสพติดระบาดหนักช่วง 5-6 ปีนี้

อีกคนที่ต้องพูดถึงคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข อย่าเสียเวลาตอบโต้กับประชาชนและแพทย์ในเฟซบุ๊ก แต่นายอนุทินควรไปดูพนักงานเข็นเตียงผู้ป่วย-พยาบาล 3 รพ.ในสมุทรสาคร ว่าขาดอะไรบ้าง

ปัจจุบันคนเหล่านี้ทำงานหนัก ต้องเข้าเวร-ค้างคืนและเสี่ยง แต่อุปกรณ์บางอย่าง เช่น “ชุดพีพีอี” ยังไม่พอ จนพรรคพวกต้องไปบริจาคชุดพีพีอี และเสื้อกันฝนให้พยาบาลและพนักงานเข็นเตียงผู้ป่วย ที่รู้จักกันใน รพ.สมุทรสาคร

คือคนไทยอยู่ในยุคที่มีนายกฯ เอาทหาร-ตชด. มาเฝ้ากรุงเทพฯ อยู่ในยุค “พยาบาล” ขาดแคลนอุปกรณ์จำเป็น แต่ไม่กล้าร้องขอ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน!!.

พยัคฆ์น้อย