กรณีที่ ทีมชาติไทย จะยึดสนามกีฬามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นสังเวียนเหย้า ในศึกชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022” ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.65-16 ม.ค.66 ตลอดถึงนัดชิงชนะเลิศ เนื่องจากราชมังคลากีฬาสถาน ติดคอนเสิร์ตใหญ่ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. และเดือน ม.ค. ทำให้แฟนบอลส่วนหนึ่ง วิพากษ์ วิจารณ์ ถึงการไม่สามารถกลับมาใช้ราชมังคลากีฬาสถาน ที่จุคนได้มาก

นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวกับ “กีฬาเดลินิวส์” ยืนยันในเรื่องดังกล่าว ที่จะไปเตะที่ มธ.รังสิต ถึงนัดชิงฯ พร้อมชี้แจงเหตุที่ไม่ได้ใช้ราชมังคลากีฬาสถาน ว่าเพราะไม่สามารถระบุความชัดเจนของการจัดแข่งขันล่วงหน้าได้

โดยกล่าวว่า สมาคมฯ ได้ส่งชื่อ 2 สนามไว้คือ ราชมังคลากีฬาสถาน กับ มธ.รังสิต ให้กับ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) โดยสำหรับ ราชมังคลากีฬาสถาน ได้ประสานเจ้าของสถานที่คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไว้ต้นปี แต่ด้วยความไม่ชัดเจนของการจัด ซึ่งตอนต้นปีโควิด-19 ยังไม่รู้จะคลี่คลายหรือไม่ เอเอฟเอฟ ก็ไม่แน่ว่าจะกลับไปจัดเหย้า-เยือนหรือไม่ และจัดช่วงไหน วันไหนบ้าง การที่จะไปจองราชมังคลากีฬาสถานไว้ยาวเผื่อไว้ 2 เดือน ธ.ค.-ม.ค. ก็ทำไม่ได้ และในมุมของ กกท. เจ้าของสถานที่นั้น ในระหว่างที่ศึกเอเอฟเอฟ ยังไม่ชัดเจนเรื่องวันแข่ง เมื่อมีอีเวนต์เข้ามาที่สร้างรายได้ ก็ต้องเปิดรับ สมาคมฯ ไม่สามารถไปบล็อกสนามให้ทีมชาติ ที่ยังไม่รู้กำหนดการได้

“สถานการณ์โควิดเพิ่งคลี่คลายไม่นาน ไทย กับ มาเลเซีย เพิ่งผ่อนคลายเรื่องการเข้าประเทศเมื่อเดือน พ.ค. เราไม่สามารถระบุวันชัดเจนล่วงหน้าเพื่อจองสนามได้ ไม่เหมือนการจัดที่ผ่านๆ มา ที่รู้ก่อนนานๆ นอกจากนี้การจะแข่งฟุตบอลระดับชาติ ก็ต้องใช้เวลาปรับสภาพสนามหญ้า จึงตัดสินใจเลือก มธ.รังสิต ไปเลย ส่วน ราชมังคลากีฬาสถาน น่าจะกลับมาใช้เป็นสนามทีมชาติได้ ก็น่าจะฟีฟ่าเดย์ เดือน มี.ค.” นายพาทิศ กล่าว

ฟุตบอลรายการนี้ ปรับมาเล่นเหย้า-เยือน ระหว่าง 20 ธ.ค.65-16 ม.ค.66 “แชมป์เก่า” ทีมชาติไทย อยู่กลุ่ม A ร่วมกับ ฟิลิปปินส์, “รองแชมป์เก่า” อินโดนีเซีย, กัมพูชา และทีมจากรอบคัดเลือก (บรูไน หรือ ติมอร์ เลสเต) รอบแรกแต่ละทีมเหย้า 2 นัด และ เยือน 2 นัด คิวของทีมชาติไทย นัดแรก วันที่ 20 ธ.ค.65 เยือนทีมจากรอบคัดเลือก, วันที่ 26 ธ.ค.65 เล่นในบ้านพบ ฟิลิปปินส์, วันที่ 29 ธ.ค.65 เยือน อินโดนีเซีย และวันที่ 2 ม.ค.66 เล่นในบ้านพบ กัมพูชา ส่วนรอบรองชนะเลิศ เตะ 6-7, 9-10 ม.ค. และรอบชิงฯ 13, 16 ม.ค.

(แฟ้มภาพ : ช้างศึก)