รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมในเดือน ก.ค.64 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเข้าพักอยู่ระดับต่ำมาก ส่งผลให้เกือบ 60% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อนหน้า และเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจไม่ถึง 3 เดือน ส่วนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลบวกต่ออัตราเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก

สำหรับสถานะกิจการที่พักแรม มี 40% ที่เปิดดำเนินกิจการปกติ, มี 38% เปิดดำเนินกิจการได้บางส่วน และมี 22% ปิดกิจการชั่วคราว ซึ่งในกลุ่มปิดกิจการชั่วคราวนี้ จากการสำรวจผู้ประกอบที่พักแรมมี 56% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากไทยเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในบางพื้นที่

ขณะที่อัตราการเข้าพักในเดือน ก.ค.64 เฉลี่ยมีผู้เข้าพัก 10% ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตามโครงการแซนด์บ็อกซ์ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่เพียง 6.5% โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือน ส.ค. คาดว่าจะลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังพบว่า 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และยังพบว่า 58% มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน โดย 23% มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน กระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ด้านการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการสำรวจพบว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

สำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ผู้ประกอบการที่พักแรมต้องการ ประกอบด้วย 1.การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน 2.การพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย และ 3.การสนับสนุนค่าจ้างพนักงานเดิม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ 40% คาดว่าประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ต่อวันลดลงเหลือไม่เกิน 50 ราย โดยคาดว่าจะเป็นช่วงหลังไตรมาส 4 ปี 64 เป็นต้นไป