They can f…g play good football” หรือ “เด็กผมแ…งก็เล่นดี ๆ เป็นเหมือนกัน” คือประโยคที่ เอริก เทน ฮาก ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ พ่นออกมาด้วยความสาแก่ใจ หลังจบเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อวดอหังการด้วยการเปิดบ้านเชือด ลิเวอร์พูล อริร่วมชาติลงได้หวุดหวิด 2-1 ในค่ำคืนแดงเดือดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

 ก่อนเกมเชื่อเหลือเกินว่า แม้กระทั่งแฟนบอลระดับสุดลิ่มทิ่มประตูของ เรด เดวิลส์ ก็คงไม่กล้าคือว่า ทีมรักจะสามารถหักปีกหงส์แดงลงได้สำเร็จ แม้ทีมของ เจอร์เกน คลอปป์ จะเดินทางมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยสภาพไม่สมประกอบก็ตาม

เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจเมื่อมองจากอัตราต่อรองที่บรรดาบ่อนถูกกฎหมายของอังกฤษยกให้ ลิเวอร์พูล บุกมาได้เปรียบเจ้าถิ่นอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงหนึ่งเสาไฟฟ้า

แถมผลงานในการออกสตาร์ต 2 เกมแรกของพลพรรคอสูรแดงที่เสียท่าให้ทั้ง ไบรท์ตัน และเบรนท์ฟอร์ด ก็ย่ำแย่จนสามารถเรียกได้ว่า น่าอเนจอนาถใจเลยทีเดียว

 มิหนำซ้ำในการพบกัน 2 หนเมื่อซีซั่นก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด ยังโดน หงส์แดง ยำใหญ่แบบไปกลับด้วยสกอร์ 5-0 และ 4-0 ตามลำดับ จนทำให้ตัวเลข 9-0 กลายเป็นกระแสไวรัลที่ลอยละล่องอยู่ตามโลกโซเชียลอยู่นานพักใหญ่เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในศึกแดงเดือดหนล่าสุด เอริค เทน ฮาก เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า เพราะอะไรตัวเขาจึงถูกเลือกให้เข้ามานั่งเก้าอี้กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในงานที่เพียบไปด้วยความกดดันมากที่สุดในจักรวาลลูกหนัง

เริ่มตั้งแต่การจัดตัวผู้เล่น เทน ฮาก กล้ามากที่ตัดสินใจดร็อปนักเตะที่ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด คนก่อนหน้านี้แทบไม่กล้าแตะต้องอย่าง แฮร์รี แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ และคริสเตียโน โรนัลโด เอาไว้บนม้าสำรองเพื่อเปิดทางให้นักเตะที่สดกว่า และเล่นได้เข้ากับแท็กติกของเขามากกว่าอย่าง ราฟาแอล วาราน, ไตเรลล์ มาลาเซีย และแอนโธนี อีลังกา ได้ลงไปสำแดงเดช

จากผลการแข่งขันที่ปรากฏออกมา แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถจะตำหนิ เทน ฮาก ได้เลย เพราะสำหรับผู้จัดการทีมแล้วสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การตัดสินใจของเขาผิด หรือ ถูก นั้น ก็คือผลการแข่งขันนั่นเอง

เกมนี้ เทน ฮาก เลือกส่ง วาราน ลงมายืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน แม็คไกวร์ โดยให้จับคู่กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า ตัวเตี้ยเกินกว่าที่จะลงเล่นในสมรภูมิแข้งระดับท็อปอย่างพรีเมียร์ลีกได้

นอกจากนี้ยังส่ง มาลาเซีย ลงมาประจำการในตำแหน่งแบ๊กซ้ายแทน ชอว์ ที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังใน 2 เกมแรก

ขณะที่แดนกลางวาง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ยืนเป็นห้องเครื่องคู่กับ คริสเตียน อีริคเซน โดยมี อีลังกา, บรูโน แฟร์นันด์ส และเจดอน ซานโช ขับเครื่องเกมรุกอยู่ด้านหลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่หุบเข้ามาประจำการในตำแหน่งหน้าเป้าแทน โรนัลโด

สำหรับตัวผู้เล่นอาจจะมีเปลี่ยนแค่ 3 ตำแหน่ง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจาก 2 เกมแรกชนิดหน้ามือเป็นหลังมือก็คือวิธีการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในเกมรับที่นักเตะ 4 ตัวบนอย่าง อีลังกา, แฟร์นันด์ส, แรชฟอร์ด และซานโช ต่างพร้อมใจกันถอนตัวลงมาช่วยไล่บีบไล่บี้นักเตะของ ลิเวอร์พูล อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยไม่เอาแต่ลอยสูงเหมือน 2 เกมก่อนหน้านี้

ขณะที่แนวรับ วาราน แสดงให้เห็นถึงชั้นบอลระดับเวิลด์คลาสด้วยการดักตัดบอลสวย ๆ ได้หลายครั้ง รวมทั้งยังสวมบทผู้บัญชาการจัดระเบียบแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ซึ่งเราแทบไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้จากกัปตันทีมตัวจริงอย่าง แม็กไกวร์ เลย

ส่วน มาร์ติเนซ ต้องบอกว่า สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้ง หลังงัดฟอร์มการเล่นระดับแมนออฟเดอะแมตช์ออกมาโชว์จนได้คะแนนความสามารถจาก สกาย สปอร์ตส์ สื่อดังของอังกฤษถึง 9/10 เลยทีเดียว

หากว่ากันถึงแท็กติกที่ เทน ฮาก นำมาใช้เล่นงาน ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ ก็ต้องเรียนว่าไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพราะมันเป็นแผนการเล่นแบบเดียวกับที่ รีล มาดริด, ฟูแลม และคริสตัล พาเลซ เคยใช้ได้ผลมาแล้วนั่นแหละ

กุนซือชาวดัตช์ สั่งให้ลูกทีมไล่กดดันนักเตะลิเวอร์พูลตั้งแต่แดนบนเพื่อให้ออกบอลยากที่สุด ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเพราะอะไร โรนัลโด ซึ่งไม่ใช่นักเตะที่ขยันเพรสมากนัก จึงต้องวางก้นอยู่บนม้านั่งสำรองก่อนจะถูกหย่อนลงมายืดเส้นยืดสายในช่วง 4 นาทีสุดท้ายของเกม

ขณะที่เกมรุกก็อาศัยการวางบอลยาว ๆ หรือ การแทงทะลุช่องให้แนวรุกที่เร็วจัดอย่าง อีลังกา, แรชฟอร์ด และซานโช เพื่อโจมตีไปที่พื้นที่ว่างด้านหลังแนวรับของหงส์แดงที่มักจะลอยขึ้นมาสูง โดยเฉพาะฟูลแบ๊กทั้ง 2 ข้างอย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และแอนดี โรเบิร์ตสัน ซึ่งก็เป็นที่มาของประตู 2-0 ที่ อองโตนี มาร์กซิยาล แทงบอลให้ แรชชี หลุดไปกระทุ้งบอลผ่านมือ อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปตุงตาข่ายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เด็กผีหลายคนรวมไปถึงตำนานอย่าง แกรี เนวิลล์ และ รอย คีน มองว่า เป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึกไม่ใช่เรื่องแท็กติก หากแต่เป็นการที่ เทน ฮาก สามารถปลุกใจให้นักเตะที่เคยเล่นฟุตบอลเพื่อสุขภาพอยู่นานนับปีอย่าง แรชฟอร์ด, ซานโช รวมไปถึง มาร์กซิยาล กลับมาแสดงความขยันทุ่มเท และวิ่งบดขยี้เข้าใส่นักเตะลิเวอร์พูลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยได้อย่างเหลือเชื่อ

หลายคนที่มองเห็นสถิติของ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจบเกมนี้ ถึงกับต้องขยี้ตาซ้ำไปซ้ำมาเพราะความเหลือจะเชื่อ เมื่อปรากฏว่า นักเตะผีแดงวิ่งรวมกันเป็นระยะทางถึง 113.8 กม. และวิ่งสปรินท์ถึง 155 ครั้ง ซึ่งต่างกับในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่พวกเขาวิ่งรวมกันได้ระยะทางแค่ 95.6 กม. ซึ่งน้อยกว่าทีมผึ้งน้อยถึง 13.8 กม. และวิ่งสปรินท์แค่ 65 ครั้ง น้อยกว่าคู่แข่งถึง 25 ครั้งชนิดฟ้ากับเหว

หลังจบเกม เทน ฮาก เน้นเลยว่า กุญแจสำคัญสู่ชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ในเกมอย่างเป็นทางการนัดแรกในรอบ 4 ปี ไม่ได้มีแค่แท็กติกของเขา แต่ยังเป็นเรื่องของทัศนคติ หรือ กระบวนการคิดของนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และเขาก็หวังว่า ลูกทีมจะยังคงสามารถรักษาทัศนคติที่ดีอย่างนี้เอาไว้ได้ต่อไปเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่เกมเยือน เซาแธมป์ตัน ในวันเสาร์ที่ 27 ส.ค.นี้ เพื่อเป้าหมายในการพา ปิศาจแดง กลับมาเป็นอสูรร้ายที่ใครต่อใครต่างพากันครั่นคร้ามอีกครั้ง.

แท ยอน