นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด มีมติเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 ฤดูกาลผลิต 64/65 พร้อมมาตรการคู่ขนานเพื่อพยุงราคาข้าวเปลือกต่อไป โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการ 80,000 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนานอีก 8,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 23 ส.ค.นี้ หากเห็นชอบจะเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ กรอบงบประมาณที่ขอสูงขึ้นจากปีก่อนที่ตั้งไว้ 48,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าปริมาณข้าวที่ออกมาในฤดู 64/65 จะมีมากถึง 26 ล้านตัน หรือเพิ่มจากปีก่อน 5% หลังจากมีคนกลับไปทำนาเยอะขึ้น อย่างไรก็ตามงบที่ขอไว้ 80,000 ล้านบาท เป็นแค่ขอกรอบงบประมาณเผื่อไว้ แต่เวลาใช้จริงอาจจะใช้ไม่ถึงได้ ตัวอย่างเช่น โครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันขอกรอบไว้ 1 หมื่นล้านบาท แต่ในความเป็นจริงไม่ต้องใช้เลย เพราะราคาปาล์มสูงกว่าราคาประกัน
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 3 ยังคงประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิดไว้เท่าเดิมเหมือนกับปีที่แล้ว ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท
นายจุรินทร์กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับเอกชนเร่งรัดการส่งออกข้าวเพิ่มเติม เพื่อรองรับผลผลิตที่กำลังออกมาในอนาคต ทั้งการส่งออกข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ซึ่งไทยได้เหลือโควตาทำกับจีนอีก 2.8 แสนตัน รวมถึงกับที่ลงนามความตกลงไว้กับรัฐบาลบังคลาเทศ และอินโดนีเซียอีกประเทศละ 1 ล้านตัน ซึ่งเชื่อว่าแนวโน้มส่งออกข้าวไทยครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยแข่งขันกับคู่แข่งได้แล้ว อีกทั้งได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งทราบว่าในเดือนนี้มีการขออนุญาตส่งออกเพิ่มอีก 5 แสนตัน ทำให้ทั้งปีนี้ยังคงเป้าส่งออกข้าวไว้ 6 ล้านตันเช่นเดิม
ส่วนยอดการส่งออกข้าวในครึ่งปีแรก ที่ได้รับรายงานจากกรมการค้าต่างประเทศ สามารถส่งออกได้แล้ว 2.17 ล้านตันลดลงไป 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว 35.9% รองลงมาเป็นข้าวหอมมะลิไทย 26.7% ข้าวนึ่ง 21.6% ข้าวหอมไทย 9.2 ข้าวเหนียว 5.9% และข้าวกล้อง 0.46%
