ตามที่ศาลปกครองอุบลราชธานี ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คืนสิทธิ ทีมฟุตบอล ศรีสะเกษ เอฟซี ให้ทีม อีสาน ยูไนเต็ด และชดใช้ค่าเสียหายให้ อีสาน ยูไนเต็ด 18.5 ล้านบาท

ในเรื่องของการคืนสิทธินั้น มีข้อสงสัยว่า อีสาน ยูไนเต็ด จะกลับมาลงเล่นในลีกใด เมื่อตอนที่ถูกดึงสิทธิคืนกลับไปนั้นทีมอยู่ในลีกสูงสุด ขณะเดียวกัน ปัจจุบัน ศรีสะเกษ เอฟซี ตกลงไปอยู่ในระดับไทยลีก 3 แล้ว นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวว่า อาจจะเพิ่มทีมในไทยลีกเป็น 17 หรือ 18 ทีมในฤดูกาลที่จะมาถึง เพื่อให้ทีมอีสาน

ผู้สื่อข่าวสอบถาม นายวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ข้อมูลว่า สำหรับไทยลีก 1 นั้น การจะเพิ่มเป็น 18 ทีมเป็นเรื่องยากมากๆ ต้องวางแผนกันล่วงหน้าเป็นปี เพราะมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งลิขสิทธิ์, การจัดสรรงบประมาณ, ผู้ตัดสิน เป็นต้น รวมถึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพูดคุยกันอีก ฉะนั้นไม่น่าเป็นไปได้แน่นอน

เมื่อถามต่อถึงเรื่องของอนาคตของทีม อีสาน ยูไนเต็ด นั้น นายวรงค์ แสดงความคิดเห็นว่า ส่วนตัวแล้วจากที่คลุกคลีในวงการฟุตบอลระดับสโมสรมา คิดว่าการจะกลับเล่นในลีกสูงสุดทันทีเป็นเรื่องยาก เนื่องจากปัจจุบันฟุตบอลสโมสรของประเทศไทย มีการทำระบบคลับไลเซนซิ่ง และช่วงเวลาของการยื่นขอคลับไลเซนซิ่งนั้นได้หมดลงไปแล้ว จึงไม่สามารถให้ส่งเรื่องได้ในตอนนี้ นอกจากนี้กฎระเบียบของฟุตบอลไทยเมื่อเทียบกับ 10 ปี ก่อนนั้นเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ฉะนั้นถ้า อีสาน ยูไนเต็ด จะกลับมาแข่งขันก็จะต้องดำเนินตามกฎปัจจุบันที่วางกันไว้

วรงค์ ทิวทัศน์

ส่วนกรณีที่ อีสาน ยูไนเต็ด จะลงเล่นในไทยลีก 3 ฤดูกาลที่จะมาถึงนี้ ทำได้หรือไม่นั้น นายวรงค์ กล่าวว่า สามารถทำได้แต่จะต้องลงแข่งขันในชื่อของ ศรีสะเกษ เอฟซี เนื่องจากได้มีการส่งคลับไลเซนซิ่งไปหมดแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ทีม, ชื่อทีม, สนามแข่งขัน, สีประจำทีม เป็นต้น ขณะเดียวกันหลังจากจบฤดูกาลถ้าจะเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้เพราะว่าปัจจุบันจะต้องมีการผ่านคณะกรรมการคลับไลเซนซิ่ง ที่ปัจจุบันมีกฎห้ามย้ายถิ่นฐาน เพราะไม่ต้องการให้มีการย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ

นายวรงค์ กล่าวต่อไปว่า หากจะขอตั้งเป็นทีมใหม่เลย เพื่อจะไม่ต้องใช้ชื่อ ศรีสะเกษ เอฟซี นั้น ก็ต้องไปเริ่มเล่นจากอเมเจอร์ลีก (ลีกกึ่งอาชีพ) ก่อน ค่อยไต่ระดับกลับขึ้นมา แต่ถ้าหากจะใช้สิทธินี้ ต้องว่ากันไปตามระเบียบ อนาคตจะย้ายก็ต้องว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง อยู่ที่คณะกรรมการคลับไลเซนซิ่งที่จะต้องส่งเรื่องให้กับ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี พิจารณาอีกครั้ง เพราะตอนนี้สโมสรไทยลีก 1-3 อยู่ในเอเอฟซีคลาสหมดแล้ว

“สิ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ส่วนเรื่องนี้จะออกมาในรูปแบบใดเป็นเรื่องที่สมาคมฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด รวมถึงสโมสร อีสาน ยูไนเต็ด จะต้องพูดคุยพิจารณากันต่อไป” นายวรงค์ ทิ้งท้าย.