หย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile dysfunction) หรือ โรคอีดี เกิดได้กับผู้ชายทุกชาติทุกภาษา ทุกฐานะและทุกวัย แต่พบว่าอายุยิ่งมากอัตราเสี่ยงที่จะเกิดโรคอีดีจะยิ่งสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกายเป็นสำคัญ ยิ่งกว่านั้นโรคหลายชนิดและยารักษาโรคหลายอย่างก็มีผลต่อกลไกการแข็งตัวขององคชาต จึงทำให้ชายสูงวัยต้องผจญกับปัญหานี้มากกว่าคนหนุ่ม แล้วจะทราบอย่างไรว่ากำลังเป็นโรคอีดี…

การประเมินตนเองว่าเป็นโรคอีดีหรือไม่นั้น จำเป็นต้องเข้าใจอาการทางเพศที่เกิดขึ้น นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงขององคชาตเมื่อมีอารมณ์ทางเพศ เช่น แข็งตัวได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่แข็งตัวเลย แข็งแต่ไม่มากพอที่จะสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด หรือแข็งพอที่จะสอดใส่แต่หลังสอดใส่แล้วจะอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นต้องสังเกตด้วยว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่นเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง เกิดขึ้นประมาณครึ่งหนึ่งของการร่วมเพศ เกิดขึ้นบ่อย ๆ ครั้งหรือทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าผลการประเมินออกมาว่ามีความผิดปกติในการแข็งตัวขององคชาต ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยและมีผลทำให้การร่วมเพศล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ก็น่าจะเข้าข่ายการมีปัญหาโรคอีดี

การแก้ปัญหาโรคอีดี ปัจจุบันอาการแข็งตัวไม่เต็มที่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาแข็งตัวได้เหมือนเดิมการรักษาโรคอีดีในปัจจุบันได้ใช้วิธีการรักษาร่วมโดยยาฟื้นฟูเส้นเลือดคู่กับยาเฉพาะกิจชนิดกิน ฉีด วิธีบริหารกล้ามเนื้อเพศ สามารถเพิ่มผลสำเร็จได้ คือ แข็งตัวก่อนร่วมเพศแบบหนุ่มได้ดีกว่าการใช้ยาเฉพาะกิจแต่อย่างเดียว ยาฉีดช่วยให้ผลการแข็งตัวเกิน 100% แม้แต่คนที่เป็นเบาหวานเรื้อรังมาเกิน 10 ปี ก็มีความพอใจในยาฉีด บ้างก็พอใจกับวิทยาการล่าสุดคือใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ ซึ่งเรียกว่า เอ็กซ์ตร้าคอร์โพเรียล ช็อกเวฟ ลิโธทริพซี หรืออี.เอส.ดับเบิลยู.แอล (extracorporeal shock wave lithotripsy : ESWL)เป็นวิธีเพิ่มเส้นเลือดในอวัยวะเพศ(angiogenesis) ช่วยในเรื่องการแข็งตัวที่ดีแล้วยังช่วยให้สามารถควบคุมการหลั่งได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศให้ได้ผลดีและดีเยี่ยมจึงอาศัยคนไข้ที่ไม่อายหมอ อดทนรักษา อาศัยแพทย์โดยให้การรักษาอย่างจริงจัง ช่วยให้ร่วมเพศได้ภายใน 2-3 อาทิตย์.

————-
ดร. อุ๋มอิ๋ม