เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิชผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานชั้น อนุบาล-ม.6 และระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษาและให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียนนักศึกษาหรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณี ในรูปแบบของเงินสดนั้น ขณะนี้สำนักงานงบประมาณอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและจะส่งเรื่องมาที่ต้นสังกัดคือ ศธ.ภายในวันที่ 13 ส.ค.นี้ จากนั้น ศธ.จะตรวจสอบข้อมูล เพื่อจัดทำขั้นตอนการจัดสรรเงินงบประมาณลงไปที่สถานศึกษาภายในวันที่ 30 ส.ค.ดังนั้นในวันที่ 31 ส.ค.เงินเยียวยาจำนวน 2,000 บาทจะส่งถึงนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองทันที
โฆษก ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ได้รับเงินเยียวยาในส่วนของ ศธ.ประมาณ 11 ล้านคน ซึ่งมีวงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ศธ.ดำเนินการในโครงการดังกล่าวก็เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ปกครองและนักเรียนในสภาวะวิกฤติโควิด-19 โดยเงินเยียวยาดังกล่าวหากนักเรียนกลุ่มใดที่เรียนในรูปแบบ Online สามารถนำเงินจำนวนนี้มาช่วยค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเทอร์เน็ตได้ ขณะที่กลุ่มนักเรียนที่เรียนในรูปแบบ Onsite สามารถนำเงินมาใช้จ่ายช่วยค่าดำรงชีพให้แก่ตัวเองและครอบครัวได้เช่นเดียวกัน ส่วนการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษาในขณะนี้นั้นครูที่ส่งรายชื่อประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ครบแล้ว 100% ดังนั้นจึงรอจังหวัดจัดสรรวัคซีน ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษาจะเป็นลำดับแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีน