ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เปิดประธานเปิดกิจกรรม “เปิดเรือนจำสู่สังคม” ซึ่งภายหลังจากมีมาตรการผ่อนคลายจากภาครัฐ ทำให้เรือนจำเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน เข้ามาให้ความรู้ ตลอดจนฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้กับผู้ต้องขัง พร้อมลงนามความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ในการเปิดหลักสูตรปริญญาเอกในเรือนจำอีกด้วย

นายจิรวุฒิ ปุญญาสวัสดิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น กรมราชทัณฑ์จึงมีนโยบายเปิดให้มีการเยี่ยมญาติ ได้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม  เป็นเรือนจำเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การทำงานทุกภาคส่วนมีการปรับเปลี่ยนไปในรูปแบบ Next Normal (ชีวิตวิถีถัดไป) ซึ่งนโยบายของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ให้นโยบายเน้นการลดความแออัดในเรือนจำ ป้องกันการกระผิดซ้ำ สร้างโอกาสกลับสู่สังคม พัฒนาสิทธิผู้ต้องขัง พัฒนาบุคลากร นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ แก้ไขปัญหาทุจริตในระบบราชทัณฑ์ ซึ่งตลอดช่วง 2 ปีของการระบาดทางเรือนจำ ไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ เพื่อควบคุมดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเข้มงวด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี และกำลังก้าวเข้าสู่โรคประจำถิ่น  จึงได้จัดกิจกรรมเปิดเรือนจำสู่สังคม เพื่อบูรณาการองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับผู้ต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาสายสามัญ สายอาชีพ   และระดับอุดมศึกษา สูงสุดถึงระดับปริญญาโท สาขาวิชารัฐประศาสนศาตร์มหาบัณฑิต (รป.ม.) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งมหาสารคามได้ชื่อว่าเป็น ตักสิลานคร หรือเมืองแห่งการศึกษา โดยได้การลงนามความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ในการเปิดหลักสูตรปริญญาเอกในเรือนจำอีกด้วย

นอกจากนี้เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม ยังได้มีการฝึกวิชาชีพหลักสูตรต่าง ๆ เช่น การทำร่มผ้า การทำอาหาร เบเกอรี่ ขนมไทย เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ตลอดจนงานช่าง งานไม้ เพื่อเป็นการฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขัง พร้อมสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้  และเป็นทุนในการประกอบอาชีพภายหลังจากพ้นโทษ ถือเป็นผลิตผลคนดี คืนคนดีสู่สังคมในอนาคต