ตามที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด เผยผลโหวตของ 16 สโมสรไทยลีก 2022-23 ในเรื่องโควตาเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2023-24 เป็นแบบ 1+1(รอบแบ่งกลุ่ม 1 ทีม, รอบเพลย์ออฟ 1 ทีม) แบ่ง 2 ฤดูกาล คือ 2021-22 กับ 2022-23 ทำให้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3-4 ไทยลีก 2021-22 โดนริบสิทธิกลับไป ทั้งที่หากยึดตามประกาศเดิมตั้งแต่ก่อนเริ่มแข่งแล้ว ทั้ง 2 ทีมต้องได้รับโควตา

กรณีนี้มาจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย “เอเอฟซี” ปรับปฏิทินแข่งขันบอลเอเชีย ทำให้กว่าจะถึงการแข่งครั้งต่อไป 2023-24 บอลอาชีพไทยก็จบไปแล้ว 2 ฤดูกาล บจก.ไทยลีก จึงมีแนวทาง เกลี่ยโควตา จาก 2+2 ให้บอลไทย 2021-22 ที่ประกาศแต่แรก เป็น 1+1 แบ่ง 2 ซีซั่น

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังทีมที่เสียหาย นายสุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ถึงขั้นตอนต่อไปที่ทีมจะดำเนินการ ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เอกสารอย่างเป็นทางการ ถ้าหากออกมาแล้วจะหารือกับเมืองทอง ว่าจะทำอย่างไรกันต่อ ในส่วนฝ่ายกฎหมายได้คุยกันตั้งแต่ที่ไทยลีกเลือกแนวทางนี้แล้ว ทำงานร่วมกันตลอด อย่างเช่นที่ไทยลีกให้โหวต ฝ่ายกฎหมายก็แนะนำว่าไม่ควรลงความเห็นใดๆ เพราะถ้าลงเท่ากับยอมรับกฎที่ไทยลีกวางขึ้นมาใหม่ จึงจะเห็นว่าทั้ง 2 ทีม ไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น

ผู้จัดการทีมแข้งเทพ กล่าวด้วยว่า ปัญหาดังกล่าว มีผลต่อการเตรียมทีม เพราะหากได้ไปเพลย์ออฟบอลเอเชีย ก็ต้องเสริมแข้งต่างชาติให้แกร่ง การที่ปัญหาคาราคาซังแบบนี้ ก็ทำให้ทีมเดินหน้าได้ไม่เต็มที่ และถ้าเรื่องไปถึงศาลก็คงยืดเยื้อ ต้องมาวางแผนเตรียมทีมใหม่ ซึ่งมันจะส่งผลกับทั้งลีกด้วย เพราะไม่รู้ว่าปีหน้าจะมีโควตาหรือไม่

รอสภาบอลฟันธงวีกหน้า
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ผลการโหวตของทีมไทยลีกจะออกมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ว่าจะเห็นชอบอนุมัติหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีผลคลับไลเซนซิ่ง ซึ่งการประชุมสภา จะมีในสัปดาห์หน้า จึงจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ