เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาลและรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กล่าวถึง การเตรียมการพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3 ว่า การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการจะเสร็จสิ้นในวันนี้ จากนั้นจะส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตามกรอบเวลานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำหนดว่าพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 ในวันที่ 18-20 ส.ค.นี้ ซึ่งหากมีการประกาศ ล็อกดาวน์และประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพิ่มเติม ก็ขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าจะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามถึง กรณีที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการแปรญัตติงบประมาณที่ถูกปรับลด จากส่วนราชการต่างๆ ไปไว้ที่งบกลางนั้น นายวิรัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความจำเป็นที่ต้องนำงบประมาณไปเพิ่ม เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกวันและไม่ทราบว่าจะยุติลงเมื่อไร จึงควรจัดสรรงบประมาณส่วนดังกล่าวไปไว้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งสำนักงบประมาณได้ประเมินแล้วว่าจะต้องจัดสรรงบประมาณไปในส่วนใดบ้างและหากเกิดเหตุฉุกเฉินผู้ว่าราชการจังหวัดสามารประสานขออนุมัติงบกลาง เพื่อนำไปใช้ได้ทันที จึงไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายค้านจะโยกไปไว้ยังกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย

เมื่อถามถึงกรณีที่ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าการแปรงบประมาณมาไว้ที่งบกลางจะทำให้การตรวจสอบทำได้ยากนั้น นายวิรัช ชี้แจงว่า สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ เนื่องจากก่อนนำงบประมาณทุกอย่างไปใช้ ทุกหน่วยงานต้องเสนอแผนงานและในส่วนของกรรมาธิการฯ มีหน้าที่แค่พิจารณา ส่วนผู้ที่บริหารจัดการงบประมาณนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกของฝ่ายบริหาร

เมื่อถามว่า หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่คลี่คลาย การประชุมมีความเสี่ยง รัฐบาลจะใช้เงื่อนไขเวลา 105 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 143 ที่สภาผู้แทนราษฎร จะต้องพิจารณาในวาระ 3 ให้แล้วเสร็จไม่เช่นนั้นจะถือว่า สภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอมาในวาระ 1 และส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อหรือไม่นั้น นายวิรัช ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุเพียงว่า จะต้องรอพิจารณาดูอีกครั้ง