เมื่อเวลา 14.17 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม ชั้น 2 ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาคดีฆ่า 2 สามีภรรยาที่ประเทศไต้หวัน ยอมเปิดปากรับสารภาพว่าได้ร่วมกันกับเพื่อนคนไทยอีก 2 คนก่อเหตุดังกล่าว ประกอบด้วย นายสามารถ แซ่หลี และ นายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง และทั้งคู่ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา
จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง เนื่องจากพฤติการณ์กระทำความผิดเหี้ยมโหดเกินมนุษย์ และล่าสุดหน่วยหนุมานกองปราบได้ควบคุมตัวนายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุกับนายสันติ ผู้ต้องหาหมายจับศาลอาญาที่ 1221 / 2565 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ภายหลังนายธนวัฒน์ได้หลบหนีกลับมาในราชอาณาจักรไทย และกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยถูกจับกุมได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรมรอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายธนวัฒน์ พุ่มเข็มทอง ผู้ร่วมขบวนการฆาตกรรมโหด
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายสันติ และพวกอีก 1 คนก่อเหตุใช้ท่อนเหล็กตีสองสามีภรรยาจนเสียชีวิต หลังจากนั้นจึงนำศพขึ้นรถเก๋งไปทิ้ง ก่อนจะหลบหนีกลับมาในราชอาณาจักร และมากบดานอยู่ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และถูกจับกุมในเวลาต่อมา แต่ไม่ใช่คนลงมือฆ่า ซึ่งนายธนวัฒน์ ได้บอกแล้วว่าใครเป็นคนลงมือ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวถึงการแบ่งหน้าที่ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ว่า นายสันติเป็นคนว่าจ้างให้นายธนวัฒน์อและนายสามารถ ร่วมก่อเหตุ โดยจะให้ค่าจ้างจำนวน 500,000 บาท แต่มัดจำก่อน 20,000 บาท และหลังจากก่อเหตุในวันที่ 8 มิ.ย. นายสันติได้เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 9 มิ.ย. ก่อนที่จะให้ผู้ต้องหาอีก 2 ราย เดินทางกลับไทยในวันที่11 มิ.ย. แล้วไปกบดาน
สำหรับปมการฆาตกรรม พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ตอนนี้พุ่งประเด็นไปที่เรื่องของความขัดแย้งระหว่างนายสันติกับผู้เสียชีวิตเป็นหลัก ส่วนเหตุผลนั้นยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนผู้ก่อเหตุอีกหนึ่งราย คือ นายสามารถ แซ่หลี ที่ยังหลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จะมีการส่งตำรวจไปที่ไต้หวันหรือไม่ พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการและจัดทีมไว้แล้ว เบื้องต้นมีตำรวจ 6 นาย ที่จะเดินทางไปสางคดีที่ไต้หวัน ส่วนการดำเนินคดีข้อฆาตกรรม ยืนยันว่าดำเนินคดีที่ประเทศไทย ส่วนในข้อหาอื่นๆเช่นการอำพรางศพต้องดำเนินคดีที่ไต้หวัน ส่วนผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาจะมีการพัวพันเรื่องยาเสพติดหรือไม่นั้น ต้องไปสอบสวนขยายผลต่อไปอย่างละเอียดอีกที
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจในการสอบสวน ตอนนี้ทางอัยการสูงสุดได้มีการตั้งทีมสอบสวนหรือยัง และมีใครบ้าง พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีความผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดก็มีอำนาจในการสอบสวน และการสอบสวนทั้งหมดเราก็จะได้กราบเรียนท่านอัยการสูงสุดตามกฎหมาย เพราะคดีนอกราชอาณาจักร ในการสืบสวนสอบสวนต้องมีผู้รับผิดชอบ ดังนั้น ในระยะหนึ่งก็ต้องรายงานไปยังท่านอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งรายงานไป ต้องรอผลการพิจารณาของอัยการสูงสุด
เร่งล่ามือสังหาร “ผัว-เมีย”ชาวไทยอีก2คน หลังวงจรปิดมัดชัดร่วมฆาตกรรม…
ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายตี๋ ญาติของผู้เสียชีวิต (สองสามีภรรยา) ได้เข้ามอบกระเช้าเพื่อขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงการดำเนินคดีว่าอยากให้ดำเนินคดีในไทยหรือไต้หวัน ว่าให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เชื่อว่ากฎหมายบ้านเราศักดิ์สิทธิ์
ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าน้องสาวของตนเกี่ยวพันกับสิ่งผิดกฎหมายหรือธุรกิจมืดหรือไม่นั้น นายตี๋ ระบุว่า ส่วนตัวตนไม่ปักใจเชื่อ เพราะน้องสาวของตนนั้นเป็นคนขยัน เป็นคนที่เก็บหอมรอมริบ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำมาหากิน ไม่จำเป็นว่าต้องทำแบบนี้เพราะมองว่ารายได้มีเยอะพอสมควรแล้ว