เชื่อว่าแฟนบอล “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในบ้านเรา คงตื่นมาในตอนเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยขอบตาที่ดำเป็นหมีแพนด้ากันเป็นทิวแถว หลังต้องลุ้นทีมรักในรอบชิง ยูโรป้า ลีก จนถึงเกือบ ๆ ฟ้าสาง…
    
นอกจากจะกินกันไม่ลงใน 90 นาทีจนต้องต่อเวลาอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว พอถึงตอนดวลเป้ายังนัดกันแม่นโทษ ฝั่งละ 10 คนไม่มีพลาดเลยสักลูก จนทำท่าจะต้องวนขึ้นรอบใหม่อยู่รอมร่อ 
    
แต่สุดท้าย ฟ้าก็ลิขิตให้ เฮโรนิโม รูลลี มือกาวชาวอาร์เจนตินา เป็นฮีโร่ยิงลูกสุดท้ายตุงตาข่าย ก่อนจะลุกขึ้นมาเซฟลูกยิงของ ดาวิด เด เคอา ส่งให้ “เรือดำน้ำสีเหลีอง” คว้าแชมป์ถ้วยยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร 

ว่าแล้วก็ต้องขอแสดงความชื่นชม อูไน เอเมรี กุนซือของ บียาร์รีล นี่คือถ้วยแชมป์ ยูโรป้า ลีก ใบที่ 4 ของเขาจากการเข้าชิง 5 ครั้ง จนหลายคนอยากจะเปลี่ยนชื่อจาก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เป็น อูไน เอเมรี ลีก ให้รู้แล้วรู้รอด…
    
แน่นอนว่านี่คือฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งของ “เรือดำน้ำสีเหลือง” เพราะนอกจากจะมีแชมป์ถ้วยยุโรปติดมือแล้ว พวกเขายังได้ตั๋ว “ทางลัด” ไปลุยถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่มซีซั่นหน้าอีกต่างหาก 
    
ในทางกลับกัน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ล่ะ ฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไปถือว่า “ประสบความสำเร็จ” ได้หรือเปล่า? 

มองเผิน ๆ การได้อันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีก รองจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี นั้นก็ดูไม่แย่ แถมอาจจะดีกว่าที่หลายคนคาดคิดด้วย บวกกับการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลถ้วยยุโรป ดูแล้วก็น่าจะเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่การไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือ สำหรับทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มิอาจมองว่าเป็นความสำเร็จไปได้ 
    
ปฏิเสธไม่ได้ครับ ว่าบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ที่ โซลชา และลูกทีม โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็มีหลาย ๆ ครั้งเช่นกันที่  “ผีแดง” มักจะขาดนู่นนิด ขาดนี่หน่อย ทำให้ไม่ได้ผลการแข่งขันที่ควรได้ในหลาย ๆ เกม
    
อย่างเช่นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลายช่วงเวลาในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เหนือกว่า แต่มันเหมือนพวกเขาไม่กล้าตบเกียร์ 5 เดินหน้าเต็มตัวสักเท่าไหร่ มันเลยออกลูกกั๊ก ๆ ไปไม่สุด 
    
แน่นอนว่านี่คือเกมนัดชิงชนะเลิศ โซลชา เองก็คงไม่อยากเสี่ยงโดยไม่จำเป็น เขาบอกหลังเกมว่าเหตุผลที่เขาไม่เปลี่ยนตัวเลยสักคนเดียวใน 90 นาที เพราะพวกตัวรุกในสนามต่างมีศักยภาพที่จะเป็นตัวตัดสินเกมได้ แต่ถ้าไม่ลองเสี่ยงก็คงไม่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็น ๆ อยู่ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ต่ำกว่ามาตรฐานไปหลายขีด
    
แต่ของแบบนี้มันพูดยากครับ ทว่าถ้าลองเสี่ยงดู บางทีผลอาจออกมาเป็นอย่างอื่น และมันคงคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม 
    
ความกล้าได้กล้าเสียอาจเป็นอีกเรื่องที่ โซลชา อาจต้องลองทำดูบ้าง หากหวังจะพาทีมทะลุไปข้างหน้ามากกว่านี้ เพราะเรื่องอื่น ๆ นั้น ผลงานที่ผ่านมาตลอดทั้งซีซั่นแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในหลาย ๆ เรื่อง 
    
แต่อย่างว่าแหละครับ ถ้า เด เคอา ยิงลูกนั้นเข้าไป แล้วผลออกมาเป็นอีกอย่าง ผมก็อาจไม่พูดอย่างนี้ก็เป็นได้ 555

ผยองเดช  

เครดิตภาพ REUTERS