จากกรณี คนร้ายก่อเหตุยิง น.ส.จิตตภัส ชูเชิดพงศ์เจริญ หรือ เจ๊หญิง อายุ 43 ปี เสียชีวิตในร้านคาแคร์พื้นที่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยญาติเชื่อว่าสาเหตุจากขัดแย้งผลประโยชน์การทำบ่อนการพนัน เนื่องจากพบว่าในคาร์แคร์นั้น ลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนันด้วย โดยก่อนหน้านี้ เพจ “ทนายคลายทุกข์” แชร์โพสต์ข้อความระบุว่า “…พื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี มีเจ้าของบ่อนถูกยิงตายในบ่อนของตัวเอง ผบก.สุราษฎร์ฯ และ ผบช.ภ.8 รู้หรือยังครับ ว่าลูกน้องมาบอกครอบครัวคนตาย ไม่ให้พูดถึง หรือพาดพิงเรื่องบ่อนเพราะกลัวนายเดือดร้อน…”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เดินทางมาประชุมร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีพร้อมทั้งได้ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และรายงานผลความคืบหน้าทางคดีต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จากนั้น จึงได้เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้งภายหลังเปิดเผยว่า ขณะนี้การทำงานติดตามคนร้ายมีความคืบหน้าไปมากทราบเบาะแสเกี่ยวกับยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและเส้นทางหลบหนีแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและจากการสอบสวนปากคำพยานทำให้เราทราบสาเหตุความขัดแย้งที่ชัดเจนขึ้น ทั้งจากประเด็นความขัดแย้งเรื่องบ่อนพนันที่ญาติยืนยัน รวมทั้งเรื่องหนี้สินต่าง ๆ ของผู้ตายเอง โดยชุดสืบสวนภาค 8 และชุดสืบสวนในพื้นที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะขัดเจนและสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้
วันเดียวกัน พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่ง ตำรวจภูภรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ให้ พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.ภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 15 วันและให้ พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ไปรักษาราชการแทนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ให้ พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ ว่า “…พื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานีมีเจ้าของบ่อนถูกยิงตายในบ่อนของตัวเอง…” เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปเรียบร้อยและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.นิพล ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรายงานผลการสอบสวนภายใน 7 วัน
สำหรับคดีนี้ ชุดคลี่คลายคดีเชื่อว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างมาก และมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี เริ่มจากขี่จักรยานยนต์เข้ามาประกบผู้ตาย ที่กำลังเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ก่อนใช้มือซ้ายชักปืนด้วยมือซ้ายเพียงมือเดียวแล้วลั่นไกใส่ 1 นัด ก่อนขับรถออกจากประตูรั้วและยิงข่มขู่เพื่อเปิดทางหลบหนีอีก 1 นัด โดยมีพยานแวดล้อมระบุว่า เห็นบุคคลแปลกหน้าอย่างน้อย 2 คนมาวนเวียนอยู่บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุอย่างน้อย 2-3 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเชิญพยานแวดล้อมไปสเกตช์ภาพเพื่อเปรียบเทียบการภาพสเกตช์จากพยานในเหตุการณ์ว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ ซึ่งจากการซักถามพยาน ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี นำโดย พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง ช่วยราชการ รอง ผบก.สส.ภ.8 ได้นำแฟ้มประวัติมือปืนรับจ้างของภาค 8 มาให้พยานตรวจสอบด้วย แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้า.