เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่ตลาดสายหยุด ตลาดหน้าสถานีรถไฟมักกะสัน เขตราชเทวี จากนั้นลงพื้นที่หาเสียงบริเวณชุมชนอาคารสงเคราะห์ดินแดง

นายชัชชาติ กล่าวว่าช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง จะเดินหน้าลงพื้นที่อย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องผลโพลต่างๆ ที่มีออกมา ยังไม่สามารถชี้วัดคะแนนได้ เพราะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมาก็พลิกโพลตลอด ดังนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจในวันเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า หลายโพลที่ออกมาคล้ายกัน คือ ยังมีกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจค่อนข้างเยอะ คิดว่าจะเรียกคะแนนให้กลุ่มนี้ตัดสินใจเลือกเราได้อย่างไรบ้าง นายชัชชาติ กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่ากลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจเป็นกลุ่มไหนบ้าง ทำให้เราเจาะได้ยากเหมือนกัน แต่พยายามสื่อสารให้มากที่สุด ทั้งเรื่องนโยบาย และความชัดเจนในการลงสมัครลงสมัครแบบอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด

นอกจากนี้ นายชัชชาติกล่าวถึงเรื่องเฟคนิวส์และไอโอว่า ไม่ได้กังวล เนื่องจากมั่นใจว่าประชาชนมีภูมิคุ้มกันต่อเรื่องดังกล่าว และเชื่อว่าเป็นเรื่องปกติที่หลายผู้สมัครต้องพบเจอ โดยทางทีมงานเพื่อนชัชชาติมีทีมกฎหมายที่คอยตรวจสอบ และชี้แจงในเรื่องต่างๆ

ทั้งนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะถึงนี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบหลายปี ทำให้มีกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะผู้ว่าฯ กทม.มีผลต่อกลุ่มคนเหล่านี้อย่างมากในอนาคต ทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิต และเรื่องเศรษฐกิจภายในเมือง จึงอยากให้ออกไปใช้สิทธิกันมากๆ และเลือกผู้ว่าฯ ที่ไว้ใจให้มาทำหน้าที่บริหาร กทม.

“สำหรับกลุ่มคนที่เลือกตั้งหนแรก การเลือกตั้งผู้ว่าฯ หนนี้จะมีผลต่อชีวิตเขามากที่สุด เพราะจะต้องเป็นคนที่ใช้ชีวิตในเมืองเป็นเวลานาน เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต และโอกาสที่เขาจะได้รับในอนาคต ผมว่าเป็นช่วงที่ดีที่เราจะออกไปใช้สิทธิใช้เสียงเป็นหนแรก อยากให้ตื่นตัว ศึกษาข้อมูล และออกไปเลือกคนที่เราไว้ใจ”

สำหรับประเด็นเรื่องการออกมาชี้นำประชาชนให้ออกไปเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯ เบอร์ใดเบอร์หนึ่ง นายชัชชาติมีความเห็นว่าไม่สามารถไปห้ามอะไรได้ แต่เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ ทุกคะแนนมีความหมายต่อผู้สมัครทุกคน ไม่สนับสนุนการเลือกเชิงกลยุทธ์ (strategic vote) และอยากจะให้เลือกผู้สมัครที่ชอบในนโยบายหรือผลงาน ไม่ใช่เลือกเพราะเกลียด หรือไม่ชอบเบอร์อื่น

เมื่อถามถึงนโยบายการจัดระเบียบพื้นที่ค้าขาย หาบเร่ แผงลอย ภายหลังมีการประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันทั่วกรุงเทพฯ 13 พื้นที่เขต จำนวน 683 จุด จะมีนโยบายช่วยเหลือผู้ค้าอย่างไรบ้าง นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหนึ่งในปัญหาเร่งด่วนประชาชนสะท้อนปัญหาเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ต้องให้ทุกเขตสำรวจจุดที่มีความพร้อมในการเปิดให้ทำการค้าขายได้โดยไม่ไปเบียดเบียนผู้ใช้ทางเดินเท้า และจัดให้มีการลงทะเบียนผู้ค้าเดิมก่อน รวมถึงตั้งกรรมการในพื้นที่ช่วยดูแล ขณะเดียวกัน กทม.ต้องหาพื้นที่นอกเหนือจากทางเดินเท้า เพื่อให้ผู้ค้าได้มีพื้นที่ค้าขายอาจเป็นตลาดนัด หรือคล้ายๆ Hawker Center ที่สิงคโปร์ เช่น ใช้พื้นที่รถไฟ พื้นที่เอกชน ซึ่ง กทม.ต้องไปเจรจา

“ตอนนี้เรื่องปากท้องคนลำบากมาก ทั้งคนซื้อ คนขาย หากมีแหล่งซื้ออาหารได้ในราคาไม่แพง น่าจะช่วยเรื่องค่าครองชีพได้” นายชัชชาติ กล่าว