เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ศาลกาญจนบุรีพิพากษาคดี! ผู้กำกับสารคดีชาวสเปนรอดคุก เหตุสำนึกผิดและไม่ทารุณสัตว์ – เน้นโอกาสกลับตัวและบทเรียนสำหรับสังคม

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 – นาวี ช้างภิรมย์ หัวหน้าชุดเหยี่ยวดง (ผู้อำนวยการส่วนประสานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่วนปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า) เปิดเผยว่า ผู้กำกับสารคดีชีวิตสัตว์ชาวสเปน วัย 53 ปี ถูกศาลจังหวัดกาญจนบุรีพิพากษาจำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท ในคดีครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่ได้รับโอกาสสำคัญจากศาลให้รอลงอาญา 2 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี เนื่องจากศาลเห็นถึงความสำนึกผิดและพฤติกรรมที่ไม่ทารุณสัตว์ ส่วนสัตว์ป่ากลางให้ตกเป็นของแผ่นดิน
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า หรือ “ชุดเหยี่ยวดง” ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรหลายฝ่าย ทั้งสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง), สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง), ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการร้องเรียนและนำไปสู่การจับกุมชายชาวสเปนรายนี้ ที่บ้านพักในตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครองในครอบครองของนายฟรานซิสโกฯ ได้แก่ นากเล็กเล็บสั้น 9 ตัว และงูหลามปากเป็ด 1 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่ผิดกฎหมายหากครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ทำการตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางไว้ดำเนินคดี

ในชั้นศาล ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนมีอาชีพเป็นผู้สร้างสารคดีชีวิตสัตว์ และนำสัตว์ป่าเหล่านี้มาเลี้ยงด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การเลี้ยงดูสัตว์ของจำเลยนั้นไม่พบพฤติกรรมการทารุณกรรมสัตว์แต่อย่างใด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ รวมถึงการที่จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร และไม่เคยมีประวัติการต้องโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงเล็งเห็นว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะให้จำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีและแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
ดังนั้น ศาลจึงมีคำพิพากษาให้รอลงอาญา 2 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี โดยนายฟรานซิสโกฯ จะต้องรายงานตัวต่อสำนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งภายในระยะเวลาที่กำหนดและต้องรายงานตัวภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และสำนักงานคุมประพฤติ

คดีนี้นับเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความสำคัญกับการให้โอกาสผู้กระทำผิดได้กลับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพฤติกรรมไม่ได้มีเจตนาร้ายแรง หรือก่อให้เกิดการทารุณกรรมสัตว์ และผู้กระทำผิดมีความสำนึกในความผิดที่ได้ก่อขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ย้ำเตือนถึงความสำคัญของการไม่ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ขอเตือนประชาชนทุกท่านว่า การครอบครอง ค้า หรือทำร้ายสัตว์ป่าคุ้มครองเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง หากไม่แน่ใจว่าสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสมอ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการล่า ครอบครอง ค้า หรือทำร้ายสัตว์ป่า ขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกข้อมูลของท่านจะเป็นส่วนสำคัญในการปกป้องทรัพยากรสัตว์ป่าอันมีค่าของประเทศ
สัตว์ป่าคุ้มครอง #เหยี่ยวดง #ส่วนประสานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติ #ส่วนปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า”

ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เพจ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”