เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย น.ส.คริสตี้ ลี เครสซี่ เจ้าหน้าที่อาวุโส สำนักงานตำรวจออสเตรเลีย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ Firestorm ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติออสเตรเลีย 5 ราย, บริติช 6 ราย, แคนนาดา 1 ราย และแอฟริกาใต้ 1 ราย พร้อมของกลางเครื่อง คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์เน็ตเวิร์ก, โน้ตบุ๊ก, สคริปต์การพูดชักชวนลงทุน และโทรศัพท์มือถือรวม 58 รายการ โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ตำรวจออสเตรเลียประสานตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ให้ช่วยจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์ไปหลอกลวงประชาชนในประเทศออสเตรเลีย หลังสืบทราบว่าได้ย้ายฐานมาปักหลักตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ชุดสืบสวนจึงเร่งแกะรอยจนพบกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาอยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ต้นปี 2567 ก่อนย้ายมาอยู่ กทม. โดยแต่ละวันจะทยอยกันขับรถเข้าไปในบ้านพักต้องสงสัยหลังหนึ่ง หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น. และจะขับรถออกไปเวลาประมาณ 15.30 น. ตรงกับเวลาทำงานที่เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อรถทุกคันขับเข้าไปถึงโรงจอดในบริเวณบ้านที่มีการติดตั้งม่านไว้ เพื่อต้องการบังสายตาของคนภายนอก ก็จะมีคนมาคอยเปิด-ปิดม่านในลักษณะส่อพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงนำหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า จากการบุกเข้าตรวจค้นตำรวจกองปราบฯ พบชั้น 1 ของบ้านเป็นโถง มีแผงกั้นระหว่างบุคคลเป็นสำนักงาน และมีกลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และกำลังโทรศัพท์พูดคุยอยู่กับคนปลายสาย ขณะที่แต่ละโต๊ะทำงานมีเอกสารข้อความต่างๆ, สคริปต์การพูดคุย, เอกสารที่ปรากฏข้อความเกี่ยวกับข้อมูลบริษัทฯ และพันธบัตรที่ขบวนการดังกล่าวใช้แอบอ้างหลอกชักชวนผู้ลงทุน เบื้องต้นกลุ่มผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมอ้างว่าตั้งใจมาทำงานโทรฯ ชักชวนลูกค้าให้มาร่วมลงทุนกับบริษัท ได้เงินเดือนประมาณ 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และมีค่าคอมมิชชั่นร้อยละ 2.5 จากการทำงานด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาอั้งยี่, เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่ง พงส. ดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน น.ส.คริสตี้ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของคนร้ายกลุ่มนี้ จะโทรศัพท์ไปหลอกให้เหยื่อร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ จากนั้นก็เชิดเงินและปิดช่องทางการสื่อสารหลบหนีไป ที่ผ่านมามีผู้เสียหายในประเทศจำนวนมาก แค่ระยะเวลา 4 ปี ก็มีมูลค่าความเสียหายกว่า 4.45 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย คิดเป็นเงินไทย 93,450,000,000 บาท และมีการฟอกเงินผ่านช่องทางคริปโตเคอร์เรนซีด้วย ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลางที่ตำรวจกองปราบฯ ยึดมานั้น ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีข้อมูลรายชื่อชาวออสเตรเลียกว่า 14,000 ราย โดยมีรายชื่อผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่ออยู่จำนวนมาก เฉพาะส่วนนี้ก็พบความเสียหายมากกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 31 ล้านบาท.