ศึกฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 เตรียมเริ่มหวดกันแล้ว ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนี่คือครั้งแรกที่มีการจัดในรูปแบบนี้ มี 32 สโมสร จาก 6 ทวีป และ 11 ประเทศทั่วโลก ร่วมการแข่งขัน รวมถึงทีมชั้นนำระดับโลกมากมาย และนักเตะชื่อดังอีกคับคั่ง
จากยุโรปมี 12 สโมสรด้วยกัน อาทิเช่น รีล มาดริด, แมนฯ ซิตี, บาเยิร์น มิวนิก, เชลซี และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยสส์ ลีก สดๆร้อนๆ
นอกจากนั้น ยังมีจากอเมริกาใต้ 6 ทีม, คอนคาเคฟ 5 ทีม, เอเชีย 4 ทีม, แอฟริกา 4 ทีม, โอเชียเนีย 1 ทีม และ อินเตอร์ ไมอามี ของอเมริกา ในฐานะเจ้าภาพ
เกมทั้งหมด 63 นัด จะจัดขึ้นในสนามต่างๆทั่วอเมริกา เกมเปิดสนามจะเตะที่ฮาร์ดร็อก สเตเดี้ยม ในไมอามี วันที่ 14 มิ.ย. ส่วนนัดชิงชนะเลิศ ที่เมตไลฟ์ สเตเดี้ยม ในนิวเจอร์ซีย์ วันที่ 13 ก.ค. 68

อีกเรื่องที่ให้ความสนใจ และพูดถึงกันมากในคลับเวิลด์คัพครั้งนี้ก็คือ “เงินรางวัล” เพราะมันมหาศาลมาก
โดยเงินรางวัลรวมของรายการนี้สูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท และแบ่งกันแค่ 32 ทีมเท่านั้น!
สโมสรใดคว้าแชมป์รับไปเลยเน้นๆ 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,000 ล้านบาท
เงินส่วนใหญ่จะตกเป็นของสโมสรจากยุโรป ซึ่งมีเงินรางวัล 525 ล้านดอลลาร์ สำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันเพียงอย่างเดียว

และ 12 สโมสรจากยุโรปจะได้รับรวมกันถึง 306 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 58 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด
สโมสรจากยุโรปจะได้รับเงินรางวัลระหว่าง 12.8 ล้านดอลลาร์ ถึง 38.2 ล้านดอลลาร์ โดยพิจารณาตาม “เกณฑ์ด้านผลงานกีฬาและการตลาด”
ขณะที่ 6 สโมสรจากอเมริกาใต้จะได้รับเงินจำนวนคงที่ที่ 15.2 ล้านดอลลาร์
ด้าน โอ๊คแลนด์ ซิตี้ ตัวแทนหนึ่งเดียวจากโอเชียเนียจะได้รับ 3.58 ล้านดอลลาร์
ส่วนสโมสรที่เหลือจากอเมริกาเหนือและกลาง, แอฟริกา และเอเชีย จะได้รับคนละ 9.55 ล้านดอลลาร์จากการผ่านเข้ารอบ

เงินรางวัลอีก 475 ล้านดอลลาร์ที่เหลือ จะถูกแบ่งตามผลงานการแข่งขัน
รอบแบ่งกลุ่ม (3 เกม) ชนะ 2 ล้านดอลลาร์, เสมอ 1 ล้านดอลลาร์
รอบ 16 ทีม 7.5 ล้านดอลลาร์
รอบก่อนรองชนะเลิศ 13.125 ล้านดอลลาร์
รอบรองชนะเลิศ 21 ล้านดอลลาร์
และหนึ่งในไฮไลต์ คือรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะกลายเป็นเกมที่มีเงินรางวัลสูงที่สุดในวงการฟุตบอล
ทีมแชมป์จะได้รับ 40 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,280 ล้านบาท)
ส่วนรองแชมป์จะได้รับ 30 ล้านดอลลาร์ (ราว 960 ล้านบาท)
รวมเป็น 70 ล้านดอลลาร์ (2,240 ล้านบาท)
มากกว่ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งได้อยู่ที่ 47 ล้านดอลลาร์ (1,504 ล้านบาท).
