กสศ. เปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” จับมือ ศธ. เอกชน ท้องถิ่น ร่วมพลิกโฉมการศึกษาไทย ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ยืดหยุ่น ทุกที่คือโรงเรียน รองรับเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษากว่า 8.8 แสนคน เปิดรับความร่วมมือ “หุ้นส่วนการศึกษา” สร้างโอกาสใหม่ให้อนาคตเด็กไทย และเศรษฐกิจของประเทศ

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดงานแถลงข่าว และกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” ณ ลานกิจกรรม ชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ พร้อมชวนภาคีเครือข่าย ภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสื่อมวลชน รู้จัก และร่วมสร้าง “โรงเรียนในความหมายใหม่ ” ที่ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ให้สามารถกลับมาเรียนรู้ในบริบทที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองได้
ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงเปิดงานจากตัวแทนเยาวชน ชนเผ่าชาติพันธุ์ลาหู่ และตัวแทนเด็ก และเยาวชนที่ร่วมโครงการ ยังมีเหล่าหุ้นส่วนทางการศึกษา อาทิ KFC Thailand, องค์กร Sea (ประเทศไทย), บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด, วงหมอลำไอดอล สำนักข่าว The Reporters และสมาคมทุเรียนใต้ มาร่วมเปิดแคมเปญในครั้งนี้ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และประชาชนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง

จากการสำรวจของ กสศ. เด็กและเยาวชนจำนวนมากที่หลุดจากระบบการศึกษา ไม่มีเป้าหมายทางการศึกษาและอาชีพที่ชัดเจน ร้อยละ 78.23 ของกลุ่มตัวอย่าง 29,452 คน ไม่มีแผนการศึกษาในอนาคต ขณะที่ร้อยละ 49.42 แสดงความต้องการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ มากกว่าการเรียนแบบวิชาการในระบบเดิม
แคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” เป็น วิสัยทัศน์ใหม่ร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา ด้วยรูปแบบ การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Learning) ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทุกเวลา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ร่วมจัดการเรียนรู้ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะในโรงเรียนแบบเดิม แต่สามารถเรียนรู้ผ่านพื้นที่เรียนรู้หลากหลาย การทำมาหาเลี้ยงชีพ กิจกรรมในชีวิตจริง บริบทของชุมชน หรือแม้แต่ในสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครูได้
ตัวแทนจากผู้ประกอบการร้านค้าปลีกอย่าง ซีเจ มอร์ที่เข้ามาจับมือกับ กศส. ดร. ปาริชาต มั่นสกุล กรรมการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด ยืนยันถึงความสำคัญของความเป็น หุ้นส่วนทางการศึกษา จากภาพเอกชนที่จะช่วยหนุนเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก และแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภายในงาน ผู้ร่วมกิจกรรมยังได้สัมผัสกับห้องเรียนหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง กสศ. และภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภายใต้แนวคิด ทุกคนสามารถเป็นครูได้ และทุกที่คือโรงเรียน ได้แก่
● หมอลำศึกษา นิวเจน เรียนไปม่วนไป หลักสูตรสร้างโอกาส ต่อยอดความฝัน ให้เยาวชนวงหมอลำ
● Learn to Earn : Earn to Learn การศึกษา = ปากท้อง ของโรงเรียน 3 รูปแบบ
● ยกให้เลย ทั้งชุมชน เพื่อเป็นโรงเรียนของเด็กนอกระบบ พลังของผู้ใหญ่ใจดี ทั้งต.หนองสนิท จ.สุรินทร์
➔ ChickLab ห้องเรียนฟาร์มไก่ เลี้ยงก็ได้ ขายก็เก่ง
➔ หนองสนิท BARBER ห้องเรียน ปั้นช่างตัดผม ขวัญใจคนทั้งหมู่บ้าน
● โรงเรียนนอกกรอบ KFC ตัวอย่างความร่วมมือกับภาคเอกชน เปลี่ยนร้านอาหารให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สร้างโอกาสใหม่เพื่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม
● เจริญกาแฟ ความรู้กินได้ พื้นที่สร้างทักษะธุรกิจร้านกาแฟและเบเกอรี่ ให้ลูกหลานแรงงานไร่ส้มได้ฝึกอาชีพจริงและได้วุฒิการศึกษา
● Mobile Media Lab ห้องเรียนสื่อชายแดน หมู่บ้านกองผักปิ้ง เชียงดาว
พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ของเด็ก ๆ ในพื้นที่สีแดง
● ห้องเรียนทุ่งใหญ่ 1.3 ล้านไ่ร่ อิสรภาพในการเรียนรู้ ของเด็กๆพื้นที่ห่างไกล
ความร่วมมือของ “หุ้นส่วนการศึกษา” จากทุกภาคส่วน คือหัวใจสำคัญที่จะขยายพื้นที่การเรียนรู้ให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กพิการ พ่อแม่วัยรุ่น เด็กในกระบวนการยุติธรรม เด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ
ในโอกาสนี้ กสศ. ได้นำเสนอ 3 ตาข่ายการเรียนรู้หลักเพื่อรองรับเด็กหลุดจากระบบ ได้แก่
1. โรงเรียนที่มีการปรับให้ยืดหยุ่น เช่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ
2. การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยผ่านกรมส่งเสริมการเรียนรู้
3. ศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม เช่น มูลนิธิ สมาคม หรือกลุ่มอาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นครู เป็นผู้จัดการศึกษาได้
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือสำคัญอีกหลายอย่างที่ทำงานเชิงรุก ติดตามค้นหา เพื่อนำการศึกษา การเรียนรู้ไปให้เด็กเยาวชน เช่น กลไกตำบล,โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School, ธนาคารหน่วยกิต Credit Bank ที่ช่วยให้การเรียนรู้ทุกรูปแบบ การประกอบอาชีพสามารถเทียบโอนหน่วยกิต เชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด

ผู้จัดการ กสศ. ระบุว่า ปัจจุบัน นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ยังไม่ครอบคลุมศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ยังไม่ได้รับงบประมาณอุดหนุนรายหัว หรือสิทธิประโยชน์พื้นฐาน เช่น อาหารกลางวัน นม วัคซีน หรือการตรวจสุขภาพ กสศ. จึงเสนอให้มีการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกับโรงเรียนในระบบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนโรงเรียนอื่นๆ ปกติ
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการ กสศ. ยังแสดงความหวังถึงตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จะเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดเครือข่ายหุ้นส่วนการศึกษาเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณทั่วประเทศ เพื่อสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของเด็กและเยาวชนที่ยังคงหลุดจากระบบการศึกษาเกือบล้านคนได้ เพราะนี่คือเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน สำหรับอนาคตของประเทศที่หายไป..