เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิดแคมเปญเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน “สวัสดี หนีห่าว” (Sawasdee Nihao) และปาฐกถานโยบายด้านความพร้อมของกรุงเทพมหานคร ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน

โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย ร่วมเปิดงาน ณ บางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน

ในการกล่าวปาฐกถานั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ถือเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. ที่ต้องมารายงานสถานการณ์ว่ากรุงเทพมหานครพร้อมดูแลพี่น้องชาวจีนที่มาเยือนเมืองไทย จึงได้นำแคมเปญที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงแผ่นดินไหวมาย้ำให้กังวานอีกครั้งว่า Bangkok We are OK!

นายชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า หัวใจคือสิ่งที่นายกรัฐมนตรี กล่าวไว้คือ ประเทศไทยต้องเป็น Save City หรือเมืองที่ปลอดภัย สำหรับกรุงเทพมหานครจะกล่าวถึงความพร้อม 6 ด้านที่ กทม.ทำเรื่องความปลอดภัยให้เห็นเป็นรูปธรรม คือ เรื่องอาชญากรรม การเตรียมรับมือภัยพิบัติ การเดินทาง การดูแลสุขภาพ และความเป็นมิตรของคนไทย นี่คือ 6 ด้านสำคัญที่แสดงถึงความปลอดภัยของกรุงเทพฯ โดยจะจำแนกแยกย่อยให้ฟังคือ

1.Low crime rate จากที่ได้คุยกับเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่าจุดแข็งของกรุงเทพฯ คือมีอาชญากรรมที่ต่ำมาก ยกตัวอย่าง ตนเองที่วิ่งออกกำลังกายคนเดียวทุกเช้าแต่ตี 3 ครึ่ง วิ่งไปหลายเส้นทางในกรุงเทพฯ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรกับตน เชื่อว่ามีไม่กี่เมืองในโลก ที่ผู้ว่าฯ สามารถวิ่งตอนเช้าคนเดียวได้โดยไม่มีบอดี้การ์ด หรือเทศกาลสงกรานต์ ที่คนไม่รู้จักกันเลยกว่า 3 แสนคน มาสาดน้ำกัน โดยไม่มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้น เพราะมันคือมิตรภาพ คือความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากวัฒนธรรมที่สืบสานกันมานาน

2.Disaster Preparedness การรับมือกับภัยพิบัตตัวอย่างล่าสุด แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ มีตึกที่กำลังก่อสร้างตึกเดียวเท่านั้นที่พังถล่ม ตึกที่เหลือไม่มีปัญหาหนักเลย และหลังแผ่นดินไหว กรุงเทพฯ สามารถกลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว เกิดแผ่นดินไหววันศุกร์ วันอาทิตย์เชิญเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตจำนวน 30 ประเทศมาเจอกัน ทั้งหมดยืนยันว่าไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่ากทม. รับมือภัยพิบัติได้อย่างดี อีกทั้งแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะตึกใน กทม. ออกแบบไว้รับแรงแผ่นดินไหวไว้มากกว่าที่เกิดขึ้น 3 เท่าตัว และตอนนี้รัฐบาลยังมีการปรับปรุง Cell Broadcast เสร็จเรียบร้อย มีการแจ้งเตือนภัยอย่างทันท่วงทีในทุกพื้นที่

3.Traffic and Transport Safety เรื่องการเดินทางและการจราจร มีการเดินหน้าปรับปรุงไปมาก มีระบบขนส่งมวลชนที่ก้าวหน้า มีไฟส่องสว่างที่ กทม. เปลี่ยนและเพิ่มเติมแล้วกว่า 1 แสนดวง ปรับปรุงทางเท้า 1,000 กม. เป็นต้น กรุงเทพฯ จึงเป็นเมืองที่เดินทางสะดวกปลอดภัยทั้งระบบขนส่งมวลชนและเดินบนท้องถนน

4.Smart Surevillance and Technology กทม.ได้นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นฐานข้อมูลความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยของเมืองและนักท่องเที่ยว มีการอบรมเพิ่มทักษะภาษาจีนให้กับเทศกิจ กทม. มีการจัดอันดับให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวหญิงที่เดินทางคนเดียว กทม.มีการติดตั้งระบบ CCTV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศจีน พร้อมตั้ง Command center มาช่วยในการดูแลให้ความปลอดภัยทุกมิติ

5.Quality Health Service มาตรฐานด้านสุขภาพที่หลายคนอาจไม่นึกถึง แต่ในการมาท่องเที่ยวต่างแดนอาจมีการเจ็บป่วยได้ กทม.และประเทศไทยถือเป็นอันดับต้น ๆ ในการให้บริการด้านสาธารณสุข นักท่องเที่ยวที่มามั่นใจได้ว่าจะมีความปลอดภัยในด้านสุขภาพด้วย

6.Inclusive and Harmony เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ กทม.เป็นเมืองพหุวัฒธรรม อยู่กันอย่างกลมกลืนในความเป็นต่างเชื้อชาติหรือศาสนา หลายย่านหลายชุมชนอาศัยอยู่ร่วมกันมาช้านาน และพร้อมเฉลิมฉลองให้กับเทศกาลต่าง ๆ เช่น ตรุษจีน คริสต์มาส รวมถึงความแตกต่างหลากหลายทางเพศ งาน Bangkok Pride Parade มีคนมาร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี กทม.จึงเป็นเมืองที่มีความเป็นมิตร มีความโอบอ้อมอารีพร้อมต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

“ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่ากทม. มีความปลอดภัย มีมิตรภาพสำหรับผู้มาเยือน นักท่องเที่ยวกว่า 32 ล้านคนที่เข้ามาในปีที่แล้วเป็นตัวเลขที่การันตีได้ และกว่า 8 ล้านคนก็เป็นพี่น้องชาวจีน ยืนยันว่ากทม.จะดูแลนักท่องเที่ยวทุกคนให้ปลอดภัยเหมือนเป็นญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเยือนเรา ย้ำอีกครั้งว่า กรุงเทพฯ ปลอดภัย และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน” นายชัชชาติ กล่าว

สำหรับโครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน “สวัสดี หนีห่าว” (Sawasdee Nihao) จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.68 มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว (Travel Agents) จำนวน 400 ราย สื่อมวลชน และ KOLs อีก 200 ราย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกว่า 500 ราย เพื่อผลักดันการขายสู่ตลาดจีน คาดว่าจะสร้างการรับรู้กว่า 350 ล้านคน-ครั้ง และการเจรจาธุรกิจกว่า 5,000 นัดหมาย.