ผ่านมรสุมชีวิตมาหนักมาก สำหรับ “ใบเตย อาร์สยาม” หรือ “ใบเตย สุธีวัน“ หลังจากที่ได้ชีวิตอิสระกลับมาอีกครั้งก็ได้กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับสามี “ดีเจแมน พัฒนพล” และลูกสาว “น้องเวทมนตร์” อย่างมีความสุข ซึ่งทุกคนได้มีการปรับตัวในการใช้ชีวิต รวมถึงโฟกัสที่ลูกสาวเป็นหลักอีกด้วย

ล่าสุดในงานเปิดตัวรายการ “The Celeb Wars สงครามเซเลบ” ใบเตยได้เผยถึงการปรับตัวในการใช้ชีวิต รวมถึงแจงใบหย่ากับสามี อีกทั้งดราม่าทุกประเด็น โดยเธอเผยว่า

“สำหรับชีวิตครอบครัวในตอนนี้ก็ต้องปรับตัวความเป็นครอบครัวกันพอสมควร  หลักๆ ก็โฟกัสกันที่ ”น้องเวทมนตร์“ เหมือนเขาก็มีความสุขมากตั้งแต่วันที่ “พี่แมน” กลับมา แต่ว่าเราก็ต้องเหมือนปรับในการดูแลลูกกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันบาลานซ์ความเป็นครอบครัวให้มันเหมือนเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่ผ่านมาเราเจอปัญหาอะไรกันมาเยอะมาก พอวันนี้มันกลับมาเหมือนเราต้องนับหนึ่งใหม่ มันก็ต้องมีการดูแลหลายๆ อย่าง หลักๆ ก็แบ่งหน้าที่และโฟกัสที่ลูกเป็นหลัก ซึ่งรายละเอียดมันก็เลยต้องทำให้เรามีการพูดคุย ทั้งกับใบเตยและพี่แมนด้วยก็ต่างคนต่างทำงาน ส่วนพี่แมนเป็นคนที่ปรับตัวได้ไวมาก  เขาไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย ความเข้มแข็งเขามีเยอะมากๆ ในความเป็นผู้ชาย

ส่วนในเรื่องของการหย่ากัน  ตอนนี้ก็เหมือนเราไม่ได้มองในเรื่องของกระดาษหรือใบสำคัญในเรื่องของการหย่า พอกลับมาเราก็โฟกัสที่ลูกเป็นหลัก ถ้าลูกมีความสุข ทุกวันนี้เราบาลานซ์เรื่องของความเป็นครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ใบเตยก็อยากให้ประคับประคองกันไปอย่างนี้อยู่ เพื่อความสุขของลูกค่ะ ก็จะไม่กลับไปจดทะเบียนค่ะ แต่ใช้คำว่าสามีภรรยาได้ ถามว่าได้มีการปรึกษาทนายไหม เอาจริงๆ ไม่ได้มีการปรึกษาอะไรเลย เราทำทุกอย่างตามความรู้สึกและเป็นตามธรรมชาติในการกลับมาของใช้ชีวิตใหม่ ตอนนี้ก็โฟกัสที่น้อง และโฟกัสที่งาน และการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัวในแบบใหม่ ในการดูแลทุกๆอย่างสำหรับคนในครอบครัวหลักๆก็คือลูกที่ต้องแบ่งหน้าที่กันเยอะมาก”

ใบเตย เผยต่อว่า “สำหรับเรื่องพี่แมนกับอดีตนักร้องคนหนึ่ง (ฟ) อันนี้ต้องไปสัมภาษณ์ทั้งคู่ ขอไม่ตอบในเรื่องนี้ เพราะว่าจริงๆใบเตยถ้าไม่ได้ทราบเรื่องราวเบื้องลึกอะไร เราก็รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของเขาทั้งสองคน แต่ในอนาคต พอเวลาผ่านไปก็ทำให้หลายๆ อย่างค่อนข้างคลี่คลายไปในทางที่ดี หรือเข้าใจกันมากขึ้น เอาจริงๆก็ไม่ได้คุยดีเทลตรงนี้กับทั้งสองฝ่าย เพราะรู้สึกว่ามันเลยจุดที่ใบเตยจะคอนโทรลอะไรหลายๆ อย่างได้แล้ว มันไม่ใช่เป็นเรื่องของเราโดยตรงแล้ว เพราะว่าในวันที่เป็นเรื่องเป็นราวกันเราก็ไม่ทราบว่า การสื่อสารของเขาทั้งสองฝั่งในหลายปีที่ผ่านมาเป็นแบบไหน เราก็พึ่งมารู้ ณ จุดๆ นั้น ก็เลยรู้สึกว่าขอปล่อยผ่านไปเลย ถามว่าอึดอัดไหม ความเป็นคนกลาง คนนึงก็พี่ในวงการที่เจอกันมาตั้งแต่เด็ก อีกคนก็แฟน เราก็เลยรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมจะต้องมาตีกัน ก็คิดว่าเวลาคงทำให้หลายอย่างดีขึ้น 

ส่วนความสัมพันธ์กับพี่(ฟ) เราไม่เคยมีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลง 15 ปีที่เคยรู้จักกันแบบไหน ณ วันนี้ เขาก็ยังเป็นพี่ชายเหมือนเดิม คือเรื่องปัญหาต่างๆ เรารู้สึกว่าบางทีชีวิตความเป็นใบเตย ใบเตยต้องแยกแยะอะไรเยอะมาก เพราะบางทีมันก็ไม่เกี่ยวกับเราเลย ก็เลยรู้สึกว่าปัญหาใครปัญหามันแล้วกัน แล้วทางพี่แมนเขาบอกว่าตรงนี้เขาจะจัดการเอง ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาไป เขาก็คงเข้าใจด้วยแหละว่าเราเป็นคนกลางมากๆ คงไม่อยากให้เรามากระทบ เพราะเราก็เครียดเยอะมากแล้วกับชีวิตที่ผ่านมา ส่วนเรื่องการกาวใจก็ไม่รู้จะกาวใจยังไง มันเป็นเรื่องที่งงในงงหลายอย่างมาก แต่ว่าเตยรู้สึกว่าความเป็นชีวิตใบเตยต้องปล่อยผ่านได้แล้ว ก็มาโฟกัสที่งาน ทำงานหาเงิน ตั้งใจเลี้ยงลูกให้ดีดีกว่า เรื่องของคนอื่นก็ให้เป็นเรื่องของคนอื่น ไปให้เขาจัดการเอง“

นักร้องสาว ได้เล่าต่อว่า “ช่วงนี้ทำคอนเทนต์แซ่บเสิร์ฟแฟนๆ บ่อยมาก  เอาจริงๆ ก็ไม่หรอกในความเป็นใบเตยในการทำงานของเรา ทุกคนก็จะเห็นอยู่แล้วเวลาขึ้นเวทีก็เป็นตัวเราเองตลอดทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม แต่งหน้าต่างๆ วันนี้ดีใจเพราะมีติ๊กต็อกเราได้ร้องเพลงใส่ชุด ทุกคนก็จะได้ฟังทั้งเสียงและได้เห็นทุกอย่าง ก็จะเข้ามาคอมเมนต์กัน ก็ดีใจมากๆ ก็อยากให้ดูผลงานกันต่อๆไป หลายคนมองว่าเซ็กซี่ขึ้นแต่สำหรับตัวเราคิดว่าไม่เลย ส่วนตัวคิดว่าดรอปเยอะมาก คือเอาจริงๆด้วยความ ณ วันนี้ต้องพยายามตามโลกให้ทัน แต่ด้วยความเป็นใบเตย ตอนนั้น 20 ปี ตอนนี้เราต้องมานับหนึ่งใหม่เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มาเป็น ติ๊กต็อกเกอร์ ในวัยที่จะใกล้ 40 หนูก็ไม่สามารถที่จะทำทุกอย่างได้เหมือนเดิม แต่เราแค่รู้สึกว่าถ้ายังมีใจรักในตรงไหน เราชัดเจนในเรื่องของการเป็นนักร้องในสไตล์การเต้นของเรา ก็คงพรีเซนต์ตรงนี้ได้ดีที่สุดอยู่แล้ว ใบเตยก็ยังคงเป็นใบเตยที่ทุกคนเห็น

แล้วคิดว่าลูกสาวอีกไม่กี่ปีก็คงจะแซ่บกว่าแม่เยอะ  ถามว่าเราโอเคไหมถ้าลูกสาวจะมาเวย์เดียวกับแม่ คือเอาจริงๆ ตอนแรกก็รู้สึกว่าเขาจะยังไง แต่ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าเขาต้องยิ่งกว่าเราแน่ๆ เพราะว่าเวทมนตร์ ณ วันนี้พอเขาโตมากับครีเอเตอร์ เขาค่อนข้างได้เห็นอะไรต่างๆ มาก คิดว่าเขาน่าจะยิ่งกว่าใบเตย อาร์สยาม เอาจริงๆ ก็เอาตามที่เขาชอบ ตอนนี้น้องเวทมนตร์ก็รักสวยรักงามมาก แต่งหน้าทำผมทุกวัน ก็คิดว่าเขาน่าจะล้ำกว่าเราเยอะ แต่คุณพ่อไม่ค่อยโอเค พี่แมนบ่นทุกครั้งที่ลูกออกมาเต้นและทำท่าเซ็กซี่ คือพี่แมนหวงมาก ซึ่งทางคุณพ่อก็พยายามคอนโทรล แต่สุดท้ายใบเตยว่าถ้าลูกเขาเป็นตัวของเขา ถ้าเขาชอบในส่วนนั้น แล้วเขาแค่สี่ขวบเขาเต้นตามเขาร้องเพลงตามได้มันก็คือสายเลือดเลยค่ะ ดีเอ็นเอคุณแม่แรงอยู่(ยิ้ม) ส่วนในการรับงานคู่กับลูกสาวตอนนี้ยัง ก็อยากให้เขาโฟกัสการเรียนเป็นหลัก แต่ถ้าเห็นก็คงได้เห็นเขาในติ๊กต็อกคอนเทนต์ต่างๆที่เราสามารถทำได้

กับคอมเมนต์ชาวเน็ตที่เข้ามาติงในเรื่องของที่ให้ลูกมาทำคอนเทนต์แบบนี้ เอาจริงๆ ใบเตยก็ได้เห็นและได้มาพิจารณา แต่เราก็รู้สึกว่าสุดท้ายเวทมนตร์มีคนที่ขึ้นค่อนข้างชื่นชอบ เอ็นดูเขามากกว่าคุณแม่อีก ทีนี้เราไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามถึงลูกสาว เราก็เลยรู้สึกว่าการเป็นเขามันก็คงจะน่ารักแล้วแหละ แต่ว่าอันไหนที่ปรับได้หรือที่มันเกินงามไปหน่อย หรือที่เป็นสาวไปหน่อย เราก็พยายามบอกพี่เลี้ยงให้คอนโทรลให้เขาเป็นธรรมชาติในอายุของเขา อย่าให้เกินไปกว่านี้เราก็บอกตลอด ส่วนเรื่องชุดน้องเวทมนตร์เป็นคนเลือกเองหมด เดี๋ยวนี้ตื่นมาบอกหมดว่าจะใส่ชุดนั้นชุดนี้ เป็นเด็กเม็ดเยอะมาก แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง พอเขาเห็นกับเราแต่งแบบไหน อย่างวันนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้วเขาเห็นเราแต่งตัวเขาก็บอกว่าสวยจังเลยอยากใส่ เพราะเขาได้เห็นได้ซึมซับก็คงจะชอบ เขาอยู่กับสิ่งนี้เขาก็จะซึมซับ เราเลยรู้สึกว่าให้เขาได้เห็นว่าคุณแม่มีชีวิตการทำงานแบบไหนบ้าง พอโตขึ้นเขาน่าจะไปปรับใช้กับตัวเองได้ และมองรู้ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี มันก็เป็นอะไรที่ฝึกการพัฒนาเขาในระดับนึง 

ถามว่าอยากให้ลูกสาวเรียบร้อยหรือว่าเปรี้ยวแซ่บ คือเอาจริงๆแล้วปล่อยเขาตามธรรมชาติเลยให้เป็นแบบไหนก็ได้ แต่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วก็อยากให้เขาเป็นคนที่เอาตัวรอดด้วยตัวเองได้ และมีไหวพริบปฏิภาณที่ดี ก็เป็นเด็กพูดจาเพราะไพเราะน่ารักแค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ“