สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ว่า หลังกองทัพรัสเซียส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน 365 ลำ โจมตีเป้าหมายทั่วยูเครน ระหว่างคืนวันอาทิตย์ถึงวันจันทร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย โดยการโจมตีดังกล่าว เกิดขึ้นจากการโจมตีระหว่างวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์ ที่เป็นการส่งขีปนาวุธ 69 ลูก และโดรน อีก 298 ลำ โจมตียูเครน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่าปฏิบัติการทางทหารทั้งสองครั้ง เป็นการตอบโต้ของกองทัพรัสเซีย ที่มีต่อกองทัพยูเครน ซึ่งโจมตี “โครงสร้างพื้นฐานทางสังคมของรัสเซีย” และวิจารณ์การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “เสียสติไปแล้ว” ว่าเป็น “การใข้อารมณ์มากเกินไป”
Kremlin spokesperson, Dmitry Peskov, has said there might be an emotional overload after U.S. President Donald Trump claimed that Vladimir Putin had ‘gone absolutely CRAZY’.
— CGTN Europe (@CGTNEurope) May 26, 2025
Peskov also said ‘We are really grateful to the Americans and to President Trump personally for their… pic.twitter.com/dVpFRF6CPQ
อย่างไรกีตาม เปสคอฟกล่าวขอบคุณทรัมป์ ที่มีบทบาทสำคัญ ในการจัดการให้กระบวนการสันติภาพกลับมาดำเนินไปได้อีกครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ตอนนั้นทรัมป์วิจารณ์เซเลนสกีด้วยว่า “คำพูดหลายอย่างของเซเลนสกี ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ หลายเรื่องที่ออกมาจากปากผู้นำยูเครนมีแต่สร้างปัญหา ทางที่ดีเขาควรหยุดพูดแบบนั้น”
อนึ่ง เซลเนสกีกล่าวว่า “สงครามไม่มีวันหยุดราชการ” แต่การที่ประชาคมโลกยังคงนิ่งเงียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐ “ไม่ต่างอะไรกับเป็นการมอบความสนับสนุน” ให้กับรัสเซีย และเรียกร้องให้มีการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรกับรัฐบาลมอสโก
มีการวิเคราะห์ว่า การที่เซเลนสกีวิจารณ์ “ความเพิกเฉย” ของสหรัฐ น่าจะหมายถึงการที่รัฐบาลทรัมป์ยังไม่เคยออกมาตรการคว่ำบาตรหรือกดดันรัสเซียอย่างจริงจัง นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาเป็นผู้นำสหรัฐสมัยที่สอง แต่ในทางกลับกัน กลับมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ และทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับปูติน เมื่อไม่นานมานี้ หลังผู้แทนของรัสเซียกับยูเครน เจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 3 ปี ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี.
เครดิตภาพ : AFP