เมื่อวันที่ 22 พ.ค. วันครบรอบการทำรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ทำให้มีรัฐบาล คสช.มาปกครองประเทศไทยช่วงหนึ่ง ที่กระทรวงยุติธรรม “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ในมุมของประชาชนและฝ่ายพลเรือน การแก้ไขปัญหาด้วยการรัฐประหารเป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประชาธิปไตย ที่ควรเดินหน้าไปตามครรลองอย่างค่อยเป็นค่อยไป รัฐประหารควรเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า ระบอบประชาธิปไตยมีกติกาที่ต้องอาศัยความอดกลั้น การใช้กระบวนการที่มีอยู่ในระบบ เช่น การแสดงออกหรือการชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ

“ไม่มีใครสามารถรับรองได้อย่างชัดเจนว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก แต่ยืนยันว่าจากการได้ทำงานร่วมกับผู้นำเหล่าทัพในปัจจุบัน พบว่ามีมุมมองที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น เข้าใจบริบทโลกและผลกระทบจากการใช้อำนาจทางการเมือง รัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีอีกเลย หากไม่อยากให้เกิดขึ้น เราทุกคนต้องช่วยกันใช้กระบวนการที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ความเห็นต่างคือความหลากหลายของประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่แม้อาจผิดพลาด แต่ระบบก็มีกลไกตรวจสอบไว้แล้ว”
“บิ๊กอ้วน” กล่าวถึงข่าวการฮั้ว สว. ที่ทำ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปรี๊ดแตก ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นกระบวนการทางกฎหมาย ก็มีทั้งเห็นเหมือนหรือเห็นต่าง การเมืองจะมีพัฒนาการก็ต้องยอมให้มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เรากับพรรคภูมิใจไทยร่วมมือกันอย่างดี ความใกล้ชิดปกติ การที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ก็มั่นใจในการทำงานของข้าราชการกระทรวงยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ของสำนักงาน กกต. ได้ออกหมายเรียก สว.เข้ารับทราบ และชี้แจงข้อกล่าวหา ในคดีฮั้วเลือก สว.เป็นลอตที่ 3 ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ค. 2568 ประกอบด้วย 1. นิฟาริด ระเด่นอาหมัด 2. สามารถ รังสรรค์ 3. บุญชอบ สะสมทรัพย์ 4. วันชัย แข็งการเขตร 5. อมร ศรีบุญนาค 6. พิมาย คงทัน 7. สาลี สิงห์ดำ 8. มาเรีย เผ่าประทาน 9. อิสระ บุญสองชั้น 10. วิภาพร ทองโสด 11. ชวภณ วัธนเวคิน 12. ชินโชติ แสงสังข์ 13. ประกาสิทธิ์ พลซา 14. นิรัตน์ อยู่ภักดี 15.ไพบูลย์ ณะบุตรจอม 16. วิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ 17. สัมพันธ์ ชัยวิเศษจินดา 18. เบ็ญจมาศ อภัยทอง 19. วรรษมนต์ คุนแสน 20. ชัยธัช เพราะสุนทร 21. พิชาญ พรศิริประทาน 22. นิทัศน์ อารีย์วงศ์สกุล 23. สุนทร เชาว์กิจค้า 24. โสภณ มะโนมะยา

สำนักงาน กกต. เผยแพร่คำวินิจฉัย กรณี กกต.มีมติยกคำร้องในการเลือก สว. ระดับจังหวัดของ จ.บุรีรัมย์ กรณีก่อนประกาศผลการเลือก สว. 7 คนในกลุ่ม18 สื่อมวลชน ถูกร้องข้อหา “กระทำการให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็น สว.” กกต.เห็นว่า ถ้อยคำของผู้ร้องเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนให้รับฟังได้เช่นนั้น
ส่วนที่ร้องว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครนั้น จากการไต่สวนผู้ร้องที่ 1-7 ให้ถ้อยคำยืนยันว่าตนเองมีคุณสมบัติในการลงสมัคร อาทิ ผู้ถูกร้องที่ 1 ประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยโฆษกมัคนายกวัด มากว่า 11 ปี ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นหมอสู่ขวัญ เป็นปราชญ์ชาวบ้าน มาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นนักร้องหมอลำมากว่า 20 ปี ผู้ถูกร้องที่ 4 และ 5 เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารเกี่ยวกับสาธารณสุขมาตั้งแต่ปี 2554 ผู้ถูกร้องที่ 6 ประกอบอาชีพรับจ้างถ่ายภาพโฆษณาประชาสัมพันธ์ ผ่านรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง มากว่า 10 ปี และผู้ถูกร้องที่ 7 ประกอบอาชีพรับจ้างรถแห่ประชาสัมพันธ์นานกว่า 10 ปี
ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 ไม่มีคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามจึงได้รับสมัคร และ ผอ.เลือกระดับอำเภอ ได้ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกแยกเป็นรายกลุ่ม ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาทั้ง สว. มาตรา 21 กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์การทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี และไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันว่ามีการกระทำฝ่าฝืนตามข้อกล่าวหา
ก็ดู “สื่อมวลชน” ที่ ผอ.เลือกตั้งอำเภอประกาศรับรอง คิดว่า คงมีคนอยากทราบเกณฑ์เลือกอีกรอบ

เรื่องต่อมา “สส.ใบพลู” รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า การที่ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พูดอย่างชัดเจนว่าการซื้องูเห่าเหมือนเป็นการเปลี่ยนงานเหมือนเปลี่ยนที่ทำงานที่ใหม่ เห็นว่า ในวันที่พรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบ ก็โชว์แคมเปญไล่หนู ตีงูเห่า แต่มาวันนี้ ถึงแม้มีงูเห่า ก็อยู่ร่วมกันได้

อยากฝากถึง น.ส.แพทองธาร ว่า เมื่อมาเป็นนายกฯ แล้วก็ควรดำรงตนให้สมกับเป็นนายกฯ แล้วควรผลักดันให้สังคม โดยเฉพาะการเมืองในสภาและประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง ตราบใดที่นักการเมืองสามารถเปลี่ยนพรรคไปมาได้ โดยไม่ต้องมีอุดมการณ์ เพียงแค่ขอให้มีผลประโยชน์ตอบแทนกันอย่างหนำใจ หากนายกฯ รับไม่ได้กับการซื้องูเห่า อาจมีการชะลอการซื้อตัว สส. ลง และแนวโน้มเรื่องดูดงูเห่าอาจจะชะลอลง เพราะไม่ได้รับประกันว่าทำไปจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี
ที่รัฐสภา “สส.โต๋” ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. แถลงว่า เคยตั้งกระทู้ถามสด “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน กรณีรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 จำนวน 5,200 เมกะวัตต์ยังไม่ได้มีการชะลอ นายพีระพันธุ์ได้อ้างว่าไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากกฤษฎีกากังวลว่ามีบางโครงการได้ลงนามซื้อขายไปแล้ว หากยกเลิกกลางคันจะทำให้มีปัญหาตามมาทีหลัง

แต่ในที่ประชุม กมธ.พลังงาน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางตัวแทนกฤษฎีกายืนยันยันว่านายพีระพันธุ์ไม่เคยมีหนังสือถามกฤษฎีกาเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 1 มาแม้แต่ครั้งเดียว มีเพียงแค่สอบถามถึงเรื่องอำนาจของตัวเองในการสั่งชะลอการรับซื้อไฟฟ้าเฟส 2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ เท่านั้น หมายความว่านายพีระพันธุ์ตอบกระทู้สดในสภาไม่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้น เช่นนี้เป็นการละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
“สส.เติ้ล” วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. กล่าวว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมหน่วยงานอื่นยังชี้แจงว่า ยังมีโครงการโรงงานไฟฟ้าที่ยังไม่มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้าอีกกว่า 900 เมกะวัตต์ รัฐบาลยังสามารถยกเลิกหรือสั่งชะลอการลงนามเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนได้มากที่สุดไป แต่ต้องเปลี่ยนมติ กพช. จึงขอให้ประชาชนตั้งคำถามไปยังนายกฯ และ รมว.พลังงาน ว่าเรื่องนี้ควรจะยกเลิกเพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับค่าไฟแพงขึ้น

“ที่อ้างว่ากฎหมายไม่สามารถยกเลิกได้ ความจริงระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าระบุชัดว่า กพช. สามารถสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิกโครงการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนได้ เหมือนกรณีการชะลอรับซื้อเฟส 2 ส่วนมติ กพช.ล่าสุดที่ระบุว่าการชะลอรับซื้อเฟส 2 นั้นอาจจะมีการกลับมาลงนามสัญญาได้ ถ้ามีการเจรจาให้ลดค่าไฟ เราขอยืนยันว่าหากยึดตามค่าไฟของประชาชนเป็นหลัก ควรต้องยกเลิก ไม่ใช่แค่ชะลอหรือแค่เจรจา เรามีไฟฟ้าล้นเกินอยู่แล้ว”
“ทีมข่าวการเมือง”