ยังคงเป็นเรื่องราวมหากาพย์สาดสงครามน้ำลายกันกลางโซเชียล สำหรับเรื่องราวของนักร้องสาวจากเวทีดังอย่าง เบียร์ เดอะวอยซ์ ที่ถูกมองว่าโพสต์แซะ พิธีกรรายการดังอย่าง หนุ่ม กรรชัย ว่าผลิตเนื้อหารายการมามีแต่เรื่องผัวเมีย จนถูกโยงกันไปต่างๆ นานา จน หนุ่ม กรรชัย เหลืออดโพสต์หมายศาลเตรียมฟ้อง เบียร์ แต่ทางด้านนักร้องสาวยังไม่หยุดนิ่งออกมาฟาดผ่านกิจกรรมต่างๆ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายบนโลกโซเชียลนั้น


ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Neobun ในฐานะพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ก็ได้อัปเดตเรื่องการฟ้องร้องคดีนักร้องสาวเซ็กซี่ รวมถึงดราม่าปมที่มีการดุทีมงานของรายการโหนกระแส กลางรายการ ซึ่งชาวเน็ตมองว่าไม่เหมาะสม ซึ่งหนุ่ม กรรชัยได้เผยว่า
“สำหรับเรื่องฟ้องร้อง สาเหตุที่ตัดสินใจฟ้อง คือถ้าใครตามดูตัวพี่จริงๆ พี่เป็นคนที่ไม่ค่อยอยากจะฟ้องร้องใคร โดยเฉพาะคนในวงการด้วยกัน จริงๆแล้วพี่ก็ไม่ได้อยากไปยุ่ง ก็เข้าใจในบริบทของการทำงานหรือความเข้าใจกันได้ จริงๆเพราะมาเป็นอันนี้พี่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบางเรื่องที่มันดูไม่เหมาะและดูไม่ควรและดูเหมือนว่าเป็นการเข้าใจในบางเรื่องไปเอง พี่เองก็พยายามชี้แจงพยายามพูดไปแล้วหลายครั้ง แต่มันก็ไม่จบสักที พี่เลยรู้สึกว่าพี่ควรจะต้องมีใครสักคนที่มาเป็นคนกลางในการบอกว่าจะต้องยังไงกันต่อไป พี่เลยคิดว่าน่าจะเป็นศาลดีที่สุด
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการคุยผ่านคนดูแลงานของเขา แต่ก็อย่างว่าแหละคือพี่ก็ไม่รู้ว่าข้อความที่เราส่งไปและคำพูดของเรา การสื่อสารเรามันจะไปถึงอีกฝั่งนึงอย่างไร แต่เจตนาของเราไม่มีร้ายเลยตั้งแต่แรก คือเราก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว เราไม่ได้พูดถึงอีกคนนึงอยู่แล้ว แต่เขากลับมาคิดว่าเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าอันนี้ตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เลย 1.ไม่ได้มีการขอโทษ 2.พี่ไม่ได้มีการไปบังคับขู่เข็ญหรือข่มขู่ใครให้มาทำอะไรแบบไหน ซึ่งพี่คิดว่าคำพูดเหล่านี้มันดูเป็นการกล่าวหาพี่ไปนิดนึง คือเรื่องพวกนี้มันคุยกันได้หมดเพราะพี่เป็นคนชอบไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว คือทุกวันนี้ศาลเขาก็เหนื่อยมากแล้ว มีคดีเยอะแยะมากมาย คือถ้ามันจบกันได้ก็จบกันไป แต่ก็ไม่คิดว่าจากคนที่ไกลเกลี่ยในรายการ ตอนนี้กลับกลายต้องมาเป็นคนที่เอาเรื่องไปให้ศาลท่านเหนื่อยอีก

พอฟ้องไปแล้วก็ไม่มีการติดต่อกลับมาจากทาางฝั่งนู้น ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ก็ไปพูดกันตามกระบวนการเท่านั้นเอง ต้องไปดูที่ศาล ศาลท่านเขาอาจจะเตรียมไปไกล่เกลี่ยก็ว่ากันไปตามนั้น แต่ถ้าจบไม่ได้ก็ไปตามกระบวนการ ถามว่าถ้าเขามีการเข้ามาคุยหลังไมค์จะมีการให้โอกาสไหม คือตัวพี่ด้วยอายุของพี่เอง พี่ถือว่าพี่เป็นรุ่นพี่ เพราะฉะนั้นอันไหนที่รุ่นน้องอยากจะคุยกับพี่ พี่ก็ยินดี เพราะพี่เองก็ไม่ใช่คนที่จะไม่มีเหตุผล เรื่องพวกนี้มันคุยกันได้หมด คือมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรเลย เพียงแต่ว่าเราต้องมาคุยกันปรับความเข้าใจกัน เท่านั้นเอง”
หนุ่ม กรรชัย เผยต่อว่า “ซึ่งเราก็ฟ้องในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าเขาฟ้องกลับก็เป็นสิทธิ์ของเขา ถ้าศาลให้ไกล่เกลี่ยก่อนก็ทำได้ เพราะผมว่าคดีนี้มันพูดคุยกันได้ หรือถ้าคิดว่าจะไม่ไกล่เกลี่ยก็ไปต่อได้ ก็ไปดูให้มันสุดทางว่าจะเป็นยังไง เพียงแต่ว่าพี่ปกป้องสิทธิ์ของพี่ในคำพูดบางคำ เพราะเวลาไปขึ้นศาลมันไม่ได้หมายความว่าเอาเรื่องราวทั้งหมด บริบททั้งหมดมารวมกัน ซึ่งมันเป็นคำพูดที่เขาโพสต์ คือมันเป็นเรื่องราวของการประกอบมากกว่าว่าในสิ่งที่เขาพูดมันยืนยันว่าเป็นตัวเรา ซึ่งเราก็ยังไม่ได้คุยกับตัวกลางแต่เชื่อว่าพอมาถึงจุดนั้นก็คงต้องมีหมายศาลไปเรียกมาอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าส่วนหนึ่งคนกลางเองอาจจะลำบากใจเพราะว่าต้องไปเป็นพยานในฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็น่าจะให้ศาลออกหมายเรียกมาและให้พูดข้อเท็จจริงแบบกลางที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างก็ประกอบกันหมดครับ
ถามว่าพี่ติดใจน้องคนกลางไหม พี่ไม่เคยติดใจน้องเลย ไม่เคยมีความคิดและมโนสำนึกนี้เลยพี่แค่รู้สึกว่าในบางเรื่องอาจจะล้ำเส้นพี่ไปนิดนึง พี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับพี่ พี่รู้สึกว่าพี่ไม่สามารถคุยกับน้องได้ พี่แค่รู้สึกว่าทำไมพี่ต้องติดต่อไป คือเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรแล้วพี่ก็ไม่ได้พูดถึงน้องเขา คือเราก็บอกน้องคนกลางไปว่าถ้าน้องคนนั้นเข้าใจผิดก็ฝากบอกน้องเขาด้วยแค่นั้นเองไม่ได้เป็นอะไร ซึ่งเราก็ไม่ได้ติดใจกับน้องคนกลางเลย โดยส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักกับน้องคนนั้น พี่ก็ไม่เคยเจอกัน แต่รู้แค่ว่าน้องคือใคร ไม่เคยทำงานร่วมกัน ซึ่งพี่ไม่ได้คิดที่จะมีเรื่องมีราวกับคนในวงการ ในเรื่องของการไต่สวนก็จะเป็นฝ่ายของผมก่อน

คือหลายคนบอกว่าน้องเขายังปากแจ๋วอยู่ ถามว่าพี่ซีเรียสไหม พี่ไม่ซีเรียสหรอกครับ พี่เฉยๆ อย่างที่บอกคือไม่เป็นไร ก็แล้วแต่ตัวเขาแล้วกัน แต่ว่าพี่เฉยมากไม่ได้โกรธเคืองไม่ได้อะไรเลย เพียงแต่ว่าแค่บางเรื่องเท่านั้นเอง ถ้าเรื่องอื่นๆ ที่เจอมาเยอะกว่านี้ พี่เจออะไรมันหนักกว่านี้เยอะมาก การที่จะมีคนคนนึงที่มาแบบพูดแซะพี่ว่า พี่ไม่ว่าเลยเพราะว่าพี่โดนแซะอยู่ทุกวี่ทุกวันอยู่แล้ว พี่ก็เฉยๆ พี่ไม่สามารถทำให้ทุกๆ คนรักพี่ทั้งหมดได้ มีทั้งคนรักคนเกลียดก็แบ่งกัน เพียงแต่ว่าคนที่จะเกลียดหรือคนที่ไม่ชอบ แค่อย่ากล่าวหาหรือล้ำเส้นพี่เกินไปนักเท่านั้นแหละ ซึ่งการอาบน้ำใส่ร้องเพลงใส่ไม่ได้มีผลกระทบกับเราเลย ก็เป็นสิทธิ์ของน้องเขาไม่ได้เกี่ยวกับพี่อยู่แล้ว”
ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ได้ถือโอกาสแจงปมดราม่าอีกหนึ่งประเด็น สำหรับในเรื่องของทีมงานรายการ โดยเจ้าตัวเผยว่า “ส่วนเรื่องของทีมงานพี่อยากให้เข้าใจว่าพี่ก็เหนื่อย มันเหมือนทำงานอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นการที่เรามีทีมงาน มันก็เหมือนมีการซัพพอร์ต อีกอย่างเราทำรายการสดเพราะฉะนั้นทีมงานทุกคนรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เราจะทำเรื่องอะไร ภาพมีให้คุณอยู่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันเตรียมมาพร้อมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณแค่นำขึ้นมาเท่านั้นเอง แต่ถ้ามันไม่ได้เราก็ต้องมาพูดกัน คือคนดูเขาก็รอดูอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกเวลาจำกัดเราไม่สามารถทำรายการในเวลา 3 ชั่วโมงหรือ 5 ชั่วโมงหรือรอไปเรื่อยๆ ได้ มันมีช่วงเวลาของมัน คือมันต้องขมักเขม้นในการทำงาน เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วเราก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ซึ่งเวลาโดนฟ้องคือเราที่โดนฟ้องทีมงานไม่ได้โดนฟ้อง แต่พี่ก็ไม่ได้หน่อยนะถ้าใครมาว่าพี่ว่าพี่ขี้วีนวัยทองหรือเปล่า ด้วยบริบทการทำงานของพี่มันเป็นแบบนั้น
ซึ่งทุกวันนี้ก็มีคนตีความ หลายคนถามพี่ว่าเป็นวัยทองหรอ ทำไมขี้โมโห พี่ก็ต้องขอโทษด้วยนะสำหรับทุกคน แต่ว่าวิธีการทำงาน บางครั้งมันแย่จริงๆ คือมันเหมือนกับว่าอยากให้ทีมพร้อม เพราะเวลาที่มันเสิร์ฟอะไรออกไปแล้วนำเสนออะไรออกไปเรื่องมันก็จะได้กระชับ คนดูไม่ต้องมานั่งรอหรือแม้กระทั่งมันจะได้ไม่ต้องไปล้ำเส้นคนอื่นเขาด้วย ถามว่านอยไหมก็ไม่นอยด์ครับ เข้าใจได้ คือเคยเจอมามากกว่านี้แล้ว เพราะฉะนั้นพี่เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ที่พี่รู้สึกไม่โอเคมากที่สุดในรายการโหนกระแส พี่สนใจแค่เรื่องเดียวคือ ไม่อยากให้มีการเบลมเหยื่อเกิดขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่พี่รู้สึกแย่มาก ซึ่งพี่ก็จะพูดว่าบาปบุญบางทีกรรมมันมีจริงนะ บางทีคนไปด่าเขามากๆมันอาจจะกลับไปที่ตัวคุณด้วยก็ได้ ซึ่งบางคนเขาก็ตอบกลับมาว่า อ๋อไม่มีศาสนาxไม่กลัวบาปกรรม

ส่วนที่พี่เคยบอกว่าจะบล็อกก็คือบล็อกจริง ก็คือไม่ได้ดูก็คือคนเข้ามาในบ้านผมคุณก็มาดูบ้านผมแต่ถ้าคุณทำผิดกฎบ้านผมผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำโทษคุณได้เหมือนกัน คือภาพลักษณ์ตอนนี้พี่กลายเป็นคนดุดัน ซึ่งจริงๆพี่ไม่ใช่เป็นคนที่ดุเลย และเป็นคนที่คุยได้ตลอด เพียงแต่ว่าบางเรื่องพี่มองว่ามันไม่เหมาะจริงๆ คือคนเราชีวิตมันไม่เหมือนกันชื่อก็ไม่เหมือนกัน พ่อแม่เลี้ยงมาไม่เหมือนกัน การรับรู้มุมของเขาก็ไม่เหมือนกัน มันก็ไม่แปลกหรอกครับที่บางคนก็อาจจะไม่รู้จริงๆแล้วก็ไปโดน ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะเสียเปรียบคนอื่นเท่านั้นเอง
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นถามว่าได้มีการคุยกับทีมงานกันไหม คือคุยกันทุกวัน แล้วก็เป็นทุกวัน แต่บางทีเราก็ต้องยอมรับว่าอาจจะเป็นความใจร้อนของพี่ด้วยก็ได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้อยากโทษทีมงานทั้งหมด เขาก็คงจะเหนื่อยในมุมของเขา เพียงแต่ว่าเราก็เหนื่อยในมุมของเรา ต่างคนก็ต่างเหนื่อย เหมือนเราเป็นเจ้านาย เราก็ว่าเขาได้ แต่เขาก็อาจจะแอบไปด่าเราลับหลังก็ได้ คือมันต้องมีอยู่แล้ว เลขานินทาเจ้านาย ลูกน้องก็ด่านายประจำ ไม่มีใครไม่เคยบ่นนายตัวเองหรอก”
