เมื่อวันที่ 9 พ.ค. จากกรณีที่เพจ “ต้นอ้อเป็นหนึ่ง” เผยแพร่เรื่องราวสองสามีภรรยาถูกลูกพี่ลูกน้องสวมชื่อทำประกันชีวิตมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท และรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์จากอุบัติเหตุรถชนที่เชื่อว่าเป็นการจัดฉากเพื่อหวังเงินประกัน

ล่าสุด นางชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้พา น.ส.พัชรวรินทร์ หรือ อุ๊ และนายธนาญวัฒณ์ หรือ โต้ง สองสามีภรรยาผู้เสียหาย เดินทางมายังศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำชื่อของทั้งสองไปสวมสิทธิทำประกันชีวิตหลายกรมธรรม์ รวมวงเงินสินไหมทดแทน 120 ล้านบาท ในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารปลอม”

น.ส.พัชรวรินทร์ กล่าวว่า หลังจากพ้นโทษ ตนและสามีไม่ได้ทำประกันภัยหรือประกันชีวิตใดๆ รู้จักตัวแทนประกันเพียงคนเดียวที่เป็นญาติกัน แต่กรมธรรม์ที่ผิดปกติ พบว่าเจ้าหนี้เงินกู้ที่มีเรื่องฟ้องแพ่งยอดหนี้ 50 ล้านบาท เป็นผู้นำบัตรประชาชนเก่าของตนไปใช้เป็นหลักฐานในการทำประกันชีวิตถึง 46 กรมธรรม์ รวมวงเงินสินไหมทดแทน 120 ล้านบาท วันนี้จึงต้องการเอาผิดกับผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมไปทำประกันในชื่อของตนและสามีทั้งหมด ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับสามีนั้น ก็ทำให้สงสัยว่าอาจเป็นแผนลอบฆ่าเพื่อหวังเงินประกัน และเชื่อว่าอาจมีผู้อยู่เบื้องหลัง

ด้าน ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่ามีบุคคล 2-3 ราย ที่เข้าข่ายกระทำความผิด แต่ต้องรอเอกสารจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพิ่มเติม จึงจะสามารถแจ้งความเอาผิดผู้เกี่ยวข้องกับการทำประกันชีวิตทั้งหมดได้ ส่วนคดี “พยายามฆ่า” ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ตำรวจได้เรียกผู้เสียหายไปสอบปากคำแล้ว หลังจากที่ตนโพสต์เรื่องนี้ในเฟซบุ๊ก ถึงความเป็นไปได้ที่ผู้เสียหายอาจถูกปองร้าย อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงระหว่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย และผู้ที่มีชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์ หรือคนใกล้ชิด เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบสวนคลี่คลายต่อไป