สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า เวียดนามมีข้อเสนอต่อรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปราบปรามการขนถ่ายสินค้าจีนไปยังสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้สินค้าได้รับประโยชน์จากภาษีศุลกากรที่ต่ำลง หากระบุว่า “ผลิตในเวียดนาม”

อย่างไรก็ตาม ความไม่สมดุลทางการค้าอาจเพิ่มความซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการค้าเกินดุลสูงสุด และขยายตัวเกือบ 25% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม

เฉพาะเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว การส่งออกของเวียดนามเกินดุลถึง 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 443,461 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขรายเดือนสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังผู้ผลิตหลายรายเร่งส่งออก ก่อนนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐเริ่มบังคับใช้

ตามข้อมูลของสำนักงานศุลกากรของเวียดนาม การส่งออกไปยังสหรัฐเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เกินดุล 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 394,187 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 34% จากปีก่อนหน้า และเป็นมูลค่าสูงสุดหลังการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19

ในเดือนเดียวกันนั้น เวียดนามเร่งนำเข้าสินค้าจากจีน และทำสถิติสูงสุดหลังการระบาดใหญ่ ทะลุ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 492,675 ล้านบาท) ตามข้อมูลของอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวกล่าวหาเวียดนามว่า เป็นเพียงจุดผ่านแดนสำหรับสินค้าจีน และส่งออกไปยังสหรัฐโดยไม่เพิ่มมูลค่า หรือมีมูลค่าเพิ่มไม่เพียงพอ ที่จะติดป้ายว่า “ผลิตในเวียดนาม”

เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าว เวียดนามเดินหน้าปราบปรามการขนถ่ายสินค้าผิดกฎหมาย ตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และเพิ่มการควบคุมสินค้านำเข้า รวมถึงออกใบรับรองแหล่งที่มา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES