หนึ่งในย่านที่มีมนต์เสน่ห์ มีประวัติมายาวนานคู่กรุงรัตนโกสินทร์“นางเลิ้ง” ชุมชนที่มีเรื่องราวในแง่มุมประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม มีนาฏศิลป์ดนตรี ทั้งมีความเลื่องลือในด้านอาหารคาวหวานที่หลากหลาย รวมถึงสถานที่ชวนเดินเที่ยวชม ย้อนสัมผัสบรรยากาศวันวาน
“ศาลาเฉลิมธานี” อาคารไม้หลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณตลาดนางเลิ้ง ที่นี่ไม่เพียงชวนสะดุดตาในความโดดเด่นในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ อาคารหลังนี้หรือที่เรียกกันว่า “โรงหนังนางเลิ้ง” โรงภาพยนตร์ยุคแรกของเมืองไทยมีอายุยืนยาวกว่าศตวรรษที่ยังคงอยู่ ยังเป็นบันทึกสำคัญบอกเล่าความบันเทิงครั้งอดีต ความทรงจำของชุมชนและผู้ที่เคยมาเยือน

“โรงหนังนางเลิ้ง” แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดสร้างขึ้นในปีใด ทราบกันแต่เพียงการเปิดฉายครั้งแรกในปี 2461จวบถึงปี 2536 ที่ปิดตัว สิ้นสุดความเป็นแหล่งบันเทิงเก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร แต่อย่างไรก็ตามยังความสำคัญโดยเป็นอาคารอนุรักษ์ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ทั้งได้รับการคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ให้ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ และในปีนี้จะมีอายุครบ 107 ปี
พาย้อนบรรยากาศย่านเก่าที่ยังคงมนต์เสน่ห์นางเลิ้ง ย้อนชมเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมศาลาเฉลิมธานี โดยที่ผ่านมาสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่วมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และชุมชนโดยรอบตลาดนางเลิ้งร่วมกันเปิดพื้นที่อาคารศาลาเฉลิมธานีให้ได้ทำความรู้จักและเข้าชม

“๑๐๗ ปี ศาลาเฉลิมธานี…ที่คิดถึง” ที่จัดขึ้นผ่านมา นอกจากพาย้อนรำลึกถึงบรรยากาศโรงหนังเก่า ยังมากด้วยกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นชุมชน ทั้งจากนักเรียน นักศึกษา หน่วยงานภาคีเครือข่าย ฯลฯ และจากที่กล่าวย่านนางเลิ้งเป็นย่านที่มีมนต์เสน่ห์มีหลายจุดหมายให้เยี่ยมเยือน
ตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกแห่งแรก ตลาดเก่าแก่ที่เลื่องชื่อในเรื่องอาหารคาวหวาน ขนมไทยโบราณที่มีสูตรเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงชุมชนยังคงสืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรม นาฏศิลป์ ดนตรี งานหัตถศิลป์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ฯลฯ โดยที่ผ่านมาภายในงานนำมาจัดแสดง อาทิ ละครชาตรี การปั้นแป้งพวง การปักสะดึง ทั้งนำผลงาน การแสดงอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงจากนักเรียน นักศึกษาจากหน่วยงานภาคี ชุมชน มีการสาธิตทำอาหาร อาทิ ขนมเบื้องญวน ขนมเบื้องไทย กล้วยทอด ฯลฯ สนับสนุนพื้นที่ แสดงความสามารถเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมและต่อยอดมูลค่าทางเศรษฐกิจซึ่งทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในบริเวณตลาดนางเลิ้งดียิ่งขึ้น

ภายในงานยัง พาย้อนรำลึกบรรยากาศโรงหนังเก่า ย้อนประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยหอภาพยนตร์นำ หนังกระโปรง ทั้งฉายภาพยนตร์ ”ปีหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม” ซึ่งมีฉากการถ่ายทำที่นี่ ทั้งชวนร่วมสนทนากับผู้กำกับ ฯลฯ เป็นส่วนหนึ่งร่วมย้อนถึงความมีชีวิตชีวา ย้อนความทรงจำครั้งวันวาน
“ศาลาเฉลิมธานี” หรือที่รู้จักเรียกกันอีกชื่อว่า “โรงหนังนางเลิ้ง” จากที่กล่าวสร้างขึ้นในปีใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่จากข้อมูลเล่าบอกเล่าถึงลักษณะอาคาร เป็นโรงไม้ขนาดใหญ่ หลังคาทรงจั่วมุงสังกะสีเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในการสร้างโรงหนังในสมัยนั้น ระยะแรก การเปิดโรงหนังเป็นหนังเงียบ มีการบรรเลงแตรวงด้านนอกโรงหนังก่อนฉาย เพื่อบอกให้ทราบว่าหนังจะเริ่มฉาย และด้วยที่หนังที่ฉายไม่มีเสียง มีการบรรเลงแตรวงประกอบในบางตอน การบรรยายเรื่อง บทเจรจาของตัวละครใช้ตัวอักษรบรรยายสลับกับภาพ จนภาพยนตร์ไทยเข้าสู่ยุคภาพยนตร์พูดได้ซึ่งมีการรับภาพยนตร์เสียงในฟิล์มจากต่างประเทศเข้ามาฉายตามโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ปี2473 เป็นต้นมา

“ศาลาเฉลิมธานี” เป็นหนึ่งในโรงภาพยนตร์ที่ขึ้นต้นด้วยเฉลิม เพื่อร่วมฉลองกรุงเทพฯ ครบ 150 ปี บริเวณหน้าโรงหนังเป็นแหล่งรวมอาหารและขนมขบเคี้ยวสำหรับจำหน่ายแก่ผู้ที่มารอชมหนังในช่วงหัวค่ำถึงหนังเลิกฉาย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ด้านหน้าโรงหนังนางเลิ้งและบริเวณใกล้เคียงมีความคึกคัก กลายเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง มีการใช้ฟิล์มขนาด 16 มม.ถ่ายทำภาพยนตร์และการผลิตภาพยนตร์เกิดขึ้นควบคู่กับการผลิตภาพยนตร์ที่ใช้ฟิล์มมาตรฐาน 35 มม. ทั้งมีการพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์ มีการเผยแพร่ภาพออกอากาศ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามา การฉายหนังจึงปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ฯลฯ การฉายหนังแบบเดิมต้องล่าถอยไปซึ่งก็ทำให้โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมธานีต้องปิดตัวลงนับแต่ปี 2537 เป็นต้นมา

แต่แม้จะไม่ได้ฉายภาพยนตร์ แต่โรงภาพยนตร์แห่งนี้ก็พร้อมเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ผ่านสถาปัตยกรรม ผ่านวิถีชีวิตผู้คน ทั้งนี้ย้อนถึงสถาปัตยกรรมโดดเด่นของสถานที่นี้ โดยนับแต่ปี2561 สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ได้ทำการสำรวจและตรวจสภาพความมั่นคงของอาคารต่อเนื่อง โดยปรับปรุง ซ่อมบำรุงอาคารโดยคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติ และเป็นอาคารโบราณสถานที่อยู่คู่กับชุมชนนางเลิ้ง โดยดูแลรักษาระบบความปลอดภัย ทั้งการแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ และระบบกล้องวงจรปิด ฯลฯ
นอกจากความโดดเด่นในความเป็นโรงหนังไม้ขนาดใหญ่ โรงหนังที่อยู่คู่กับตลาดนางเลิ้งมาโดยตลอด จากที่กล่าวรูปแบบทางสถาปัตยกรรมของโรงหนังแห่งนี้มากด้วยรายละเอียดน่าศึกษา โดยเฉพาะ โครงสร้างหลังคา ซึ่งเป็นหลังคาไม้แบบโครงถักแนวเอียง ผสมโครงถักแนวราบ จากข้อมูลกล่าวถึงการนำรูปแบบการก่อสร้างมาจากรูปแบบคล้ายโครงถักของสะพานรถไฟ เพื่อขยายขนาดช่วงพาดของหลังคา โดยไม่มีเสามาบดบังการชมภาพยนตร์ ทำให้มีมุมมองการชมภาพยนตร์ได้กว้างมากขึ้น เป็นความพิเศษและมีเอกลักษณ์

ด้านหน้าอาคารมีสถาปัตยกรรมการตกแต่งเป็นเอกลักษณ์อีกเช่นกัน หลังคาทรงจั่วมีลายฉลุประดับ ด้านหน้าเหนือทางเข้าเป็นไม้ตีปิดตามยาวแบบเรียบง่าย ได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมจากตะวันตก ลักษณะของตัวอาคารเป็นรูปทรงเดียวกับตลาดสดทั่วไปในยุคที่ร่วมสมัยกัน หากแต่เป็นการปิดทึบ
ส่วนช่อง ประตูหน้าต่างมีอยู่ทุกช่วงเสาเกือบทุกด้าน คาดว่าใช้ในการระบายอากาศ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องระบายอากาศดั่งเช่นปัจจุบัน การทำอาคารคลุมมีหลายปัจจัย ทางเข้าออกต้องเป็นระเบียบเพื่อง่ายต่อการจำหน่วยตั๋วและการเข้าชมภาพยนตร์

นอกจากนี้ยังเกี่ยวเนื่องกับเทคนิคการฉายภาพยนตร์ทั้งในเรื่องสภาพอากาศและแสงสว่างซึ่งมีผลต่อการชมและฉายภาพยนตร์ รวมไปถึงการรักษาอุปกรณ์และองค์ประกอบต่างๆของของโรงภาพยนตร์ ขณะที่ด้านในโรงภาพยนตร์มีเวทีและไล่ระดับของที่นั่งเหมือนโรงภาพยนตร์ทั่วไป ส่วนปัจจุบันเปิดกว้างมองเห็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ของโครงไม้ถักชัดเจน พร้อมด้วยมนต์เสน่ห์โรงภาพยนตร์ที่ยังคงอยู่ แม้จะผ่านวันเวลามาอย่างยาวนาน
พงษ์พรรณ บุญเลิศ