สำนักข่าวประเทศสเปน รายงานกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความช่วยเหลือ นำตัวเด็กสามคนออกจากบ้านที่พวกเขาโดนกักขังไว้ในเมืองโอเบียโด ประเทศสเปน ตั้งแต่ช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 รายงานข่าวระบุว่า เด็กๆ ถูกบังคับให้อยู่แต่ในบ้านและสวมหน้ากากอนามัย

เด็กทั้งสามคนเป็นพี่น้องกัน ประกอบด้วยพี่คนโตวัย 10 ขวบ และน้องฝาแฝดวัย 8 ขวบ ทั้งหมดถูกนำตัวออกจากบ้านเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ไม่เคยออกจากบ้านเลยตั้งแต่ปี 2564

“ทันทีที่เราพาพวกเขาออกมา เด็กทั้งสามคนก็เริ่มหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยออกไปข้างนอกมาก่อน” เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าว

เจ้าหน้าที่นำตัวเด็กออกจากบ้านที่โดนขังไว้นานถึง 4 ปี

สื่อมวลชนสเปนระบุว่า เด็กเหล่านี้เป็นชาวเยอรมัน หลังจากออกมานอกบ้านทั้งที่ยังสวมหน้ากากอนามัย พวกเขาก็ตรงไปสัมผัสต้นหญ้าแถวนั้นด้วยท่าทางประหลาดใจ

สำหรับพ่อแม่ของเด็กทั้งสาม ยังไม่มีการระบุชื่อ มีเพียงรายละเอียดว่าผู้เป็นแม่เป็นชาวเยอรมัน-อเมริกัน วัย 48 ปี ส่วนสามีของเธอและพ่อของเด็กๆ เป็นชาวเยอรมัน วัย 53 ปี 

เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวว่า พ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ป่วยด้วยภาวะ “ลองโควิด” (Long COVID) และบังคับให้คนทั้งครอบครัวต้องใช้ชีวิตภายใต้เงื่อนไขการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเป็นเวลานานหลายปี

สื่อมวลชนสเปนตั้งฉายาให้บ้านที่เด็กๆ โดนขังไว้ว่า “บ้านสยองขวัญ” โดยระบุว่า พ่อแม่ละเลยลูกทั้งสามคน ไม่เคยพาไปโรงเรียน และปล่อยให้ใช้ชีวิตท่ามกลางเศษขยะเต็มบ้าน (Photo by Pablo LORENZANA / AFP)

“เด็กๆ อยู่ในสภาพที่แย่มาก เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก” เจ้าหน้าที่สืบสวนบอกกับสำนักข่าวเอลมุนโด “เด็กไม่ได้ขาดสารอาหารเพราะพวกเขาได้กินอาหาร แต่เนื้อตัวพวกเขาสกปรก… และโดนตัดขาดจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาไม่ได้ไปโรงเรียน”

เจ้าหน้าที่ยังเล่าว่า ตอนพวกเขาพาเด็กๆ ออกจากบ้านและไปยังบริเวณที่เป็นสวน พอเด็กทั้งสามเห็นหอยทาก ก็ตื่นตระหนกจนแทบไม่ได้สติ 

ตำรวจสืบพบเรื่องราวของครอบครัวนี้ หลังจากที่มีเพื่อนบ้านในละแวกนั้นรายงานเจ้าหน้าที่ทางการว่า เด็กๆ ในบ้านหลังดังกล่าว ไม่เคยได้ไปโรงเรียน ส่วนพ่อและแม่ของเด็กโดนจับกุม และตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัวและทอดทิ้งเด็กในความดูแล

ที่มา : nypost.com

เครดิตภาพ : AFP