เรียกได้ว่าเป็นศิลปินแห่งชาติที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน สำหรับ นักร้องอาวุโส “สมเศียร พานทอง” หรือ “ชาย เมืองสิงห์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ขับร้อง-นักประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วได้เกิดเหตุการณ์ล้มที่บ้าน จนทำเอาแฟนเพลงเป็นห่วงไม่น้อยเลยนั้น

ล่าสุดใน “งานสืบสานประเพณีปีใหม่ไทย และรำลึกถึงบรรพชนลูกทุ่ง” ปี 2568 ได้รับเกียรติจาก ชาย เมืองสิงห์ มาร่วมงานและโชว์ร้องเพลง ซึ่งงานนี้ชาย เมืองสิงห์และ “ตี๋ นฤพนธ์” ได้อัปเดตเรื่องสุขภาพและความตื่นเต้นที่หวนกลับมาจับไมค์อีกครั้ง

ชาย เมืองสิงห์ เผยว่า “ตื่นเต้น กลัวจะพูดอะไรไม่ถูก กลัวความหนุ่มมันจะน้อย ความอร่อยมันไม่เกี่ยวกัน ลูกหลานก็โทรฯ มาบอกกันกะทันหัน เมื่อกี้ลืมเนื้อเพราะพรรคพวกเอาแต่ชวนคุย เขาก็ขอให้ร้องเพลงนึง ก็มีความสุขที่ได้มาร้องเพลง ได้เจอลูกศิษย์ลูกหา คนนั้นคนนี้ เราเป็นศิลปินจะมานั่งทุกข์อยู่ทำไม อยู่กับคนอื่นเราก็สุข กลับบ้านไปทุกข์ตอนไม่มีคนเห็น อยู่บ้านเหงา แต่ใช้ความเหงาให้เป็นประโยชน์คือเอาอารมณ์มาทำเพลงใหม่ๆ คืออยู่บ้านก็เหงา ที่บ้านลูกก็ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ถ้ามันจะเหงาเมื่อไหร่เราก็นั่งเขียนอะไรของเราไป นั่งแก้เพลงนั้นเพลงนี้ไป ตอนเหงามันมีอารมณ์ไง ซึ่งเพลงก็เอาเพลงเก่ามาประยุกต์ใหม่บ้าง ทำดนตรีใหม่บ้าง ภาษาร้องที่ลูกทุ่งเอามาใช้กันใหม่ๆ เราก็เอามาปรับบ้าง คือเอาเพลงเก่ามาเปลี่ยนภาษาให้เป็นเพลงยุคใหม่ แต่ทำนองมันยังอดที่จะติดไทยเดิมอยู่ไม่ได้ ซึ่งพ่อก็เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ จากลูกๆ ถามจากลูกสาวบ้าง ลูกชายบ้าง พ่อจะชอบพวกคำแผลงที่คนบ้านๆ เขาพูดกัน ถ้าเทียบกับสมัยนี้ พ่อก็เป็นลูกทุ่งอินดี้นี่แหละ ส่วนวงการลูกทุ่งไทยตอนนี้ พ่อคิดว่ายังอยู่นะ ขอให้อยู่นานๆ เพราะเป็นของคู่บ้านคู่เมือง ความเป็นลูกทุ่ง ความเป็นไทยเดิม ต่างชาติมองอยู่ บางยุคเขารวยกันไม่รู้กี่ร้อยล้าน แต่เรานักร้องได้กันไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะมีผลงานให้ได้ฟังกันด้วย จะมีเพลง ชายสามโบสถ์ และเพลงอื่นอีก ได้ฟังแน่ ตั้งแต่ป่วยก็ไม่ได้บันทึกเพลงมา 2 ปีแล้ว จะเป็นการทำดนตรีในแบบยุคปัจจุบัน ก็กำลังหาวิธีการอยู่ว่าจะทำยังไงให้เป็นเพลงปัจจุบันในเวอร์ชั่นพ่อร้อง

สำหรับสุขภาพมันก็สามวันดีสี่วันเหนื่อย ไปงานหลายๆ วันมันก็เหนื่อย เหนื่อยนั่งรถ บางทีอยู่ดึกไม่ได้ แต่ยังไงถ้าขึ้นเวทีแล้ว ทำได้แค่ไหนก็ต้องทำ อย่างเหตุการณ์ล่าสุดก็ล้มที่บ้าน เมื่อเดือนที่แล้ว ก็รอดไป จะมีเรื่องที่ต้องระวังในเรื่องของการเดิน ต้องใช้ไม้เท้า ซีกซ้ายพ่อมันอ่อนแรง มันก็ลำบาก แต่การร้องเพลงก็ทำให้มีกำลังใจดีๆ ได้เจอแฟนเพลง ลูกหลาน เพื่อน ก็สนุก มีความสุข ยังแหย่หางเครื่องได้ ก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ยังให้กำลังใจนักร้องรุ่นกำลังแก่ ขอให้ทุกคนรักเพลงลูกทุ่งให้นานๆ โชคดีมีชัย อย่าได้เจ็บป่วย ให้ร่ำให้รวย”

ตี๋ นฤพนธ์ เผยว่า “สำหรับข่าวแม่ผ่องศรีคือคุณพ่อทราบข่าวแล้ว แต่เวลาคุณพ่อไปงานศพไม่รู้เป็นอะไรจะกลับมาแล้วป่วยตลอด ก็เลยให้พ่อส่งกำลังใจไปแล้วเดี๋ยวผมไปแทนทุกครั้ง ก็ทำพวงหรีดส่งไปก่อน ซึ่งความผูกพันระหว่างพ่อกับแม่ผ่องศรีก็มีความผูกพันกันเพราะเขาอยู่ชัยนาท ซึ่งพ่ออยู่สิงห์บุรี ก็รักกันนับถือกัน แต่ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทเพราะว่านานๆ เจอกันที แต่คือเป็นคนภาคเดียวกัน ซึ่งแม่ผ่องเป็นศิลปินแห่งชาติก่อนพ่อชาย ซึ่งแม่ผ่องได้ปี 2535 ส่วนพ่อชายได้ปี 2538 ซึ่งหลังจากที่ทราบเรื่องของแม่ผ่องศรี พ่อชายก็รู้สึกเสียดาย แต่แม่ผ่องศรีเขาก็ทำบุญมาเยอะ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ตี๋ นฤพนธ์ พานทอง